น.ส.ศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายงานการเงินและบัญชี บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายการลงทุนไปในโครงการใหม่ๆ เพื่อเสริม New S-Curve ของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในสหรัฐและออสเตรเลียเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจำนวน 2 แห่งในเกาหลี กำลังผลิตติดตั้งรวม 740 เมกะวัตต์
ด้านโครงการในประเทศไทยนอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์จำนวน 339 เมกะวัตต์ ที่ชนะประมูลแล้ว บริษัทฯ ยังจะมีการขยายและร่วมมือกับนิคมอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงในส่วนการขยายเฟสต่างๆของนิคมฯ ขณะที่ตั้งเป้าลูกค้ากลุ่มนิคมฯ (IU) ใหม่เพิ่มอีกประมาณ 50-60 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่ 52.1 เมกะวัตต์
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดได้รับผลดีจากราคาก๊าซฯ ปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดยมองกรอบอยู่ในช่วงราว 320-350 บาท/MMBTU จากปีก่อนอยู่ที่ 377.31 บาท/MMBTU ส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าปีนี้ จะมีการรับรู้โรงไฟฟ้าอ่างทอง 2-3 ที่จะเดินเครื่องเต็มปี กำลังการผลิตรวม 280 เมกะวัตต์ หลังเปิด COD ไปเมื่อไตรมาส 4/66 รวมถึงโครงการที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถ COD เข้ามา ได้แก่ โรงไฟฟ้าโซลาร์ที่ญี่ปุ่น และ Onshore wind farm ในเกาหลีใต้ บริษัทฯ คาดจะใช้งบลงทุนไว้ประมาณ 4 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนขยายกำลังการผลิตสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 73 แบ่งเป็นสัดส่วนเงินกู้ประมาณ 70-75% และใช้ส่วนทุนราว 25-30% สำหรับเงินลงทุนในส่วนของ BGRIM คาดว่าจะอยู่ที่ราว 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และบางส่วนจากการระดมทุน เช่น การออกหุ้นกู้และนำสินทรัพย์ไปแปลงเป็นเงินทุน เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มนำเข้าก๊าซ LNG ได้ภายในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ ภายหลังจากการพูดคุยเรื่องกฎระเบียบกับทาง ปตท. ซึ่งเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ (Pool manager) พร้อมคาดว่าการนำเข้า LNG เองจะช่วยหนุนให้บริษัทไม่ต้องจ่ายมาร์จิ้นให้กับผู้ขายก๊าซฯในปัจจุบัน