ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า แผนการขายหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูเพื่อการพัฒนาระบบสถาบันการเงินถืออยู่ในธนาคารพาณิชย์ของรัฐไม่ว่าจะเป็นธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)และธนาคารไทยธนาคาร(BT) นั้นจะดำเนินการคู่ขนานกันไป ระหว่างการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั่วไปเข้ามาแสดงความจำนงในการซื้อหุ้น และอยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาตลาดทั้งด้านราคาและจังหวะการขายที่เหมาะสม ซึ่งการขายหุ้นได้อยู่ในแผนงานที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
"หลักการคือเราต้องการขายแบบโปร่งใส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเลือกที่รักมักที่ชัง ดังนั้นต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินด้วยว่าเมื่อไหร่จะขาย และขายราคาเท่าไหร่...ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ แต่เราก็ทำคู่ขนานกันไปคือเปิดโอกาสให้คนที่สนใจเข้ามาคุยด้วย"นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวในรายการวิทยุเช้านี้
ประเด็นสำคัญในการพิจารณาขายหุ้นให้กับนักลงทุนเป็นการทั่วไปนั้น นอกเหนือไปจากการได้รับราคาที่เหมาะสมแล้ว ยังจะต้องคำนึงด้วยว่าผู้ที่จะหุ้น SCIB และ BT ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่นั้นจะต้องมีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ต่อไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคตด้วย
"การขายหุ้นธนาคารพาณิชย์เป็นเรื่องยาก และอ่อนไหว คนที่เข้ามาซื้อต้องไม่ใช่แค่มีสตางค์อย่างเดียว แต่ต้องมีความสามารถที่จะ run bank ต่อไปในอนาคต มีสตางค์ที่จะเพิ่มทุนในอนาคตด้วย" ผู้ช่วยผู้ว่าฯ ธปท. ระบุ
นายสรสิทธิ์ เห็นว่า ทางการโดยกองทุนฟื้นฟูฯ ที่ถือหุ้นอยู่ในธนาคารพาณิชย์ถึง 3 แห่ง คือทั้ง SCIB, BT และธนาคารกรุงไทย(KTB) ถือว่ามากเกินไป ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ในอนาคตกองทุนฟื้นฟูฯ จะต้องลดบทบาทการเข้าไปแข่งขันกับเอกชนให้เหลือน้อยลง และเห็นว่าการที่ทางการมีหุ้นใน KTB เพียงแห่งเดียวก็เพียงพอที่จะสนองตอบต่อนโยบายของภาครัฐได้แล้ว
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมาให้ความเห็นถึงการขายหุ้น SCIB, BT ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่นั้น จากการตรวจสอบล่าสุดของ ธปท.ไม่พบว่ามีประชาชนตื่นตระหนกไปแห่ถอนเงินออกจากธนาคารดังกล่าว โดยย้ำว่าขณะนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ยังให้ความคุ้มครองเงินฝากเต็ม 100%
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--