นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าตามแผนงาน ลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่โซนราชพฤกษ์ กว่า 82 ไร่ เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการแนวราบระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการโดยประมาณ 3,700 ล้านบาท ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกำลังซื้อสูง ที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพสูง สร้างการเติบโตต่อเนื่อง คาดเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/68
ขณะที่ โครงการที่อยู่ระหว่างการขายยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ประเทศเป้าหมาย อาทิ รัสเซีย จีน และยุโรป บริษัทจึงเดินหน้าปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อชูความพิเศษของโครงการ พร้อมเชื่อมโยงกับความต้องการที่หลากหลาย สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ เพื่อการลงทุนระยะยาว และปล่อยเช่า
ปัจจุบัน โครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายได้แก่ โครงการ InterContinental Residences Hua Hin (อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน) มียอดขายแล้ว 3,681 ล้านบาท เหลือขายเพียง 5 ยูนิต คาดปิดการขายโครงการได้ภายในปีนี้
และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการ VEHHA Hua Hin (เวหา หัวหิน) มียอดขายแล้ว 1,154 ล้านบาท โครงการ ROMM Convent (รมย์ คอนแวนต์) มียอดขายแล้วจำนวน 2,022 ล้านบาท โครงการ VI Ari (วี อารีย์) มียอดขายแล้ว 83 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โครงการ NUE District R9 (นิว ดิสทริค อาร์ 9) มียอดขายแล้วจำนวน 6,203 ล้านบาท สำหรับ โครงการ Nue Cross Khu Khot Station (นิว ครอส คูคต สเตชั่น) มียอดขายแล้วจำนวน 2,115 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขาย (Backlog) มูลค่ารวม 11,428 ล้านบาท เพื่อทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 67-69
"แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีนี้ยังคงมีความท้าทาย จากปัจจัยต่าง ๆ แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี บนทำเลที่มีศักยภาพ เน้นการออกแบบและบริการที่ดีที่สุด มีมูลค่าเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่เป็นเรียลดีมานด์เพื่อการอยู่อาศัยจริง และเพื่อการลงทุน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่มากกว่า พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจบนเสถียรภาพการเงินที่แข็งแกร่ง ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ควบคู่กับกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนที่ดินและค่าก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรและผลักดันให้รายได้เติบโตสม่ำเสมอ" นายพสุ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 2566 บริษัทมีรายได้ 1,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายปี 66 อยู่ที่ 11,204 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มียอดขาย 1,096 ล้านบาท