นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.มิลล์คอนสตีล อินดัสทรีส์(MILL)เปิดเผยว่า บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการลงทุน 85.10% ในบริษัท เหล็กบูรพาอุตสาหกรรม จำกัด ตั้งแต่ไตรมาส 2/51 ซึ่งทำให้ MILL มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 800,000 ตันต่อปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นหลักสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการของ MILL ขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
จากเดิม MILL ,กำลังผลิตที่ 500,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นเหล็กเส้น 250,000 ตันต่อปี และเหล็กรูปพรรณ 250,000 ตันต่อปี ส่วนเหล็กบูรพามีกำลังการผลิตเหล็กเส้น 300,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ MILL ยังได้รับประโยชน์ในด้านอื่น ๆ จากการลงทุนครั้งนี้คือเพิ่มอำนาจการต่อรองในการสั่งซื้อวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้สามารถลดต้นทุนลงได้ และช่วยประหยัดค่าขนส่ง (Logistic Cost) ทั้งการขนส่งวัตถุดิบ และการจัดส่งสินค้าจากการมีโรงงานการผลิตสองแห่งจะทำให้แบ่งโซนดูแลลูกค้าได้ โดยโรงงานของเหล็กบูรพา ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยองสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่อุตสาหกรรมภาคตะวันออกได้ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าของ MILL ด้วย ซึ่งจะสะท้อนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นตามต้นทุนที่ลดลง
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม และการพัฒนาประเทศที่จะมีโครงการใหญ่เกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนราคาเหล็กในระยะสั้นคาดว่าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ และปริมาณความต้องการเหล็กที่สูงขึ้นทั้งตลาดในประเทศ และตลาดโลก
นายสิทธิชัย กล่าวถึงการย้ายเข้าไปซื้อขายใน SET โดยเชื่อว่าจะก่อให้เกิดผลดีกับ MILL ทั้งเพิ่มน้ำหนักในด้านความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงฐานะกิจการของ MILL ว่ามีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นและผลการดำเนินงานที่มีกำไรมาอย่างต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--