นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จีเอเบิล (GABLE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรและต่อยอดการเติบโตของลูกค้า ตามแผนกลยุทธ์หลักของบริษัทที่วางไว้ต่อยอดการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผลักดันสู่เป้าหมายการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยเน้นการลงทุนสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Investment ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของแผนกลยุทธ์หลักของจีเอเบิลที่มุ่งเน้นต่อยอดการเติบโตในปี 67 ได้แก่ AI Ready + Business App + M&A
ล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการปิดดีลกับพันธมิตรทางธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี DevSecOps ของบริษัท เบลนเดต้า ในเครือ GABLE เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการโซลูชันด้านการจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างครบวงจรตอบสนองเทรนด์ธุรกิจในอนาคตได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ ทำให้ GABLE สามารถสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth และเพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัทฯ ตลอดจนต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัทฯให้แข็งแกร่งมีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าการทำดีลการเติบโตแบบ Inorganic จะเป็นการทำให้ Growth Engine ของทางบริษัทมีการเติบโตที่ดีในอนาคต
"การปิดดีลในครั้งนี้ ถือเป็นผลงานที่สามารถทำตามแผนงานที่ประกาศไว้ได้ และดีลนี้เป็นเพียงจุดเริ่มเท่านั้น หลังจากนี้ จีเอเบิล ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ โดยยังมีดีลสำคัญในมือที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกหลายราย" นายชัยยุทธ กล่าว
สำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยี DevSecOps จะช่วยเพิ่มศักยภาพและขยายขอบเขตการให้บริการด้าน Big Data ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้โอกาสที่ Big Data และ AI เข้ามามีบทบาทต่อโลกธุรกิจ ทำให้ทั้ง 2 เทคโนโลยีจะถูกนำไปใช้ยกระดับธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Big Data ผสานกับการวิเคราะห์ของ AI เพื่อประกอบการตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในการสร้างผลกำไรและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นรวมถึงการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด การวิเคราะห์พฤติกรรมเชิงลึกของผู้บริโภค ฯลฯ
จากการคาดการณ์ของพาร์ทเนอร์ ระบุว่า Generative AI หรือ Gen AI กำลังเป็นเทรนด์สำคัญที่มาถึงจุดสูงสุดของ Hype Cycle ทำให้ GABLE มองเห็นโอกาสการเติบโตในอนาคตจากความต้องการสร้างระบบขององค์กรให้เป็น AI Ready Organization ทั้งระบบแบบ End-to-end ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนคลาวน์ การทำระบบ Data Analytics ผ่านซอฟต์แวร์ Big Data Platform รวมไปถึงการวางระบบ Cybersecurity ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับ AI ในอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับจีเอเบิลจากนี้ต่อไป
"การปิดดีลในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของจีเอเบิล ในการเติบโตแบบก้าวกระโดดผ่านการยกระดับความแข็งแกร่งในการให้บริการด้าน Big Data เพื่อช่วยปลดล็อกภาคธุรกิจองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมสู่การเป็น AI Ready Organization ในอนาคต และคาดว่าในปีนี้ทั้งกลุ่มธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน" นายชัยยุทธ กล่าว