โบรกฯมองหุ้นเด่นรับมาตรการกระตุ้นศก.กลุ่มเกษตร-รพ.-รร.-สื่อสาร-อสังหาฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 8, 2008 18:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวในงานสัมมนา"เจาะลึกเศรษฐกิจค้นหุ้นเด่นครึ่งปีหลัง"เชื่อว่าในปีนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ ธปท.มองไว้ที่ 4.8-6% โดยแนวโน้มอาจจะขยายตัวได้ในระดับสูงถึง 6% โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญต่อเศรษฐกิจในประเทศ ได้แก่ ปัญหาการเมือง ราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้สภาพัฒน์ประกาศตัวเลขการเติบโตของ GDP อย่างเป็นทางการ แต่ไตรมาส 1/51 เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ถึง 5.7% ซึ่งถือว่าดีกว่าไตรมาส 4/50 และมีทิศทางที่จะดีต่อเนื่องจากภาวะราคาสินค้าเกษตรที่ขยายตัว รวมทั้งเชื่อว่าจะมีการลงทุนของภาคธุรกิจจะเติบโต รวมถึงภาคการบริโภคของประชาชนก็จะเติบโตตามไปด้วย
นางอมรา หวังว่าปัจจัยการเมืองจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันมากนัก รวมทั้งปัจจัยภายนอก เช่น ราคาน้ำมัน น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงและยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ ปัจจัยที่กังวลอีกเรื่อง คือ เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมากแต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ เรื่องเงินเฟ้อเป็นประเด็นที่ ธปท.ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะที่นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย มองว่าอัตราการเติบโตของไทยน่าจะอยู่ระดับ 4.5-6% โดยเห็นว่าปีนี้ประเทศไทยได้รับผลดีจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ประชาชนรากหญ้ามีเงินจะส่งผลต่อการใช้จ่ายภายในประเทศที่จะสูงขึ้น และมองว่าสินค้า commodity เช่น ทองคำ ยังมีผลตอบแทนที่ดี
"การที่ราคาสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้นทำให้คนต่างจังหวัดรากหญ้ามีเงินสามารถใช้จ่ายตามที่ต้องการได้และเป็นการใช้จ่ายจริงซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศแต่ภาวะน้ำมันก็ยังกดดันและมองว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจของประเทศอาจจะไม่ดีเท่าครึ่งปีแรก"
ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นมองว่ายังน่าสนใจแต่ต้องเลือกหลักทรัพย์ที่จะต้องลงทุน เช่น หุ้นเกษตร TVO กลุ่มโรงพยาบาง
โรงแรม และสื่อสาร ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง คือ แบงก์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ และหากแบงก์ชาติจะปรับขึ้นดอกเบี้ย หุ้นแบงก์ก็จะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น
น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ทางดีบีเอสฯ ก็ยังคาดว่าประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 4-5% แต่ไม่ใช่ภาวะกระทิง แม้ว่าจะเร่งเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นการบริโภคและมีปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์และเมกะโปรเจกต์ แต่ก็ไม่ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตมาก เนื่องจากยังมีความกังวลในแง่ของการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน
แต่ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจในการลงทุนในหลายกลุ่ม โดยกลุ่มที่น่าสนใจ เช่น แบงก์ สื่อสาร โรงพยาบาล ที่อยู่อาศัย ที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ