บมจ.ดุสิตธานี (DUSIT) โดยดุสิต ฟู้ดส์ เปิดตัว "ปิ่นโตฮับ" (PintoHub) ภายใต้การบริหารของบริษัท เซเวอร์ อีทส์ จำกัด (Savor Eats) บริษัทร่วมทุนที่ "ดุสิต ฟู้ดส์" ถือหุ้น 51% และฟาร์ม ทู เพลท โพรเซสเซอร์ ถือหุ้น 49%
"ปิ่นโตฮับ" จะให้บริการในรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมอาหาร "สตรีทฟู้ด" ชื่อดังของไทย พร้อมเสิร์ฟในรูปแบบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน (ready to eat) ในรสชาติเดียวกับร้านดังต้นตำรับ โดยคงรสชาติ สุขอนามัย และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับสตรีทฟู้ดของไทย ด้วยความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ "ฟาร์ม ทู เพลท" คาดว่าภายในปี 68 จะสามารถขยายจุดให้บริการ/สาขาผ่านช่องทางแฟรนไชส์ไปยังต่างจังหวัด วางเป้าหมาย 50 จุดบริการ/สาขาในประเทศไทย ก่อนที่จะขยายแฟรนไชส์ "ปิ่นโตฮับ" ไปในต่างประเทศในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
นางสาวมณิศา มิตรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ ดุสิต ฟู้ดส์ เปิดเผยว่า เซเวอร์ อีทส์ พร้อมแล้วกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มภายใต้ชื่อ "ปิ่นโตฮับ" (PintoHub) ที่จะรวบรวมร้านอาหารเจ้าดัง รวมถึงสตรีทฟู้ดของไทย ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงของผู้บริโภคที่ไม่ได้กระจายกว้างขวางเหมือนร้านอาหารขนาดใหญ่ แต่เป็นร้านดังที่มีเอกลักษณ์และรสชาติอาหารเฉพาะตัว รวมถึงเมนูโบราณ หาทานยาก ซึ่งในช่วงแรก "ปิ่นโตฮับ" ได้รวบรวมร้านเด็ดเมนูดังไว้ในแพลตฟอร์มแล้ว 21 ร้าน จำนวน 66 เมนู
"ปิ่นโตฮับ เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยคนตัวเล็กหรือธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทย ที่เราจะเข้าไปช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคได้สัมผัสกับอาหารไทยได้กว้างขวางขึ้น จนถึงการสร้างซอฟท์ พาวเวอร์ด้วยการต่อยอดขยายธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทยไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจหลักของ ?ดุสิต ฟู้ดส์? และกลุ่มดุสิตธานี นั่นคือ Bring Asian Food to The World และด้วยความร่วมมือของ ?ฟาร์ม ทู เพลท? ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีเทคโนโลยีทั้งด้านการพัฒนาสูตรอาหาร จนได้รสชาติเดียวกันกับร้านต้นตำรับ ซึ่งผ่านการรับรองรสชาติจากร้านต้นตำรับแล้ว ขณะเดียวกัน อาหารร้านเด็ดเมนูดังทุกรายการบนแพลตฟอร์ม ?ปิ่นโตฮับ? ยังเก็บคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน ถูกสุขอนามัย และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับร้านอาหารไทย และสตรีทฟู้ดส์ของไทยอีกด้วย" นางสาวมณิศากล่าว
สำหรับร้านอาหารที่รวบรวมใน "ปิ่นโตฮับ" จำนวน 21 ร้าน เป็นร้านจากจังหวัดเชียงใหม่ 6 ร้าน ภูเก็ต 1 ร้านและกรุงเทพฯ 14 ร้าน อาทิ บ้านยี่สาร อาหารไทย, ขาหมูเลิศรส, ก๋วยจั๊บกำลังภายใน, ข้าวพระรามลงสรง (เล้าโอว) , ข้าวซอยซอกกำแพงดิน, ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม, โจ๊กสดใส, ครัวจงจิต เป็นต้น โดย "ปิ่นโตฮับ" จะทำงานร่วมกับเจ้าของร้านในการพัฒนาสูตรเป็นกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีรสชาติเหมือนต้นตำรับ และแต่ละเมนูที่วางขายจะอยู่ภายใต้ชื่อเดิมของเอสเอ็มอีเจ้าของแบรนด์นั้นๆ โดยทุกๆ เมนูที่ขาย ทางเอสเอ็มอีเจ้าของแบรนด์จะส่วนรับแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซนต์
ในส่วนของช่องทางการจำหน่ายของ "ปิ่นโตฮับ" จะดำเนินการผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทาง ONLINE คือ การเสิร์ฟอาหารผ่านช่องทางดิลิเวอรี่ ซึ่ง "ปิ่นโตฮับ" ได้ผนึกความร่วมมือกับ"แกร็บ แท๊กซี่" (Grab Taxi) ในการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ที่จะอำนวยความสะดวกในการจัดส่งอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานถึงบ้านลูกค้าจากจุดให้บริการ 10 แห่งครอบคลุมพื้นที่หลักในกรุงเทพ ตอกย้ำแนวคิดหลักในการ "นำความอร่อยมาไว้ใกล้บ้าน" ของ "ปิ่นโตฮับ" ขณะเดียวกัน ยังมีช่องทาง ONSITE ในรูปแบบ "คีออส" (Kiosk) ที่ลูกค้าสามารถซื้ออาหารกลับไปทานที่บ้านได้ หรือรูปแบบหน้าร้าน ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาทานที่หน้าร้านหรือซื้อกลับบ้านได้
"นอกจากโซลูชั่นของ "ปิ่นโตฮับ" จะเป็นการช่วยขยายโอกาสให้กับธุรกิจอาหารเอสเอ็มอีของไทยและสตรีทฟู้ดไทยไปทั่วโลกแล้ว การสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมอาหารริมทางที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยมาไว้ในที่เดียว ยังเป็นการปกป้องมรดกทางอาหารที่มั่นใจได้ว่า สูตรอาหารและรสชาติอันล้ำค่าเหล่านี้จะไม่สูญหายไป ขณะเดียวกัน เรายังสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนซึ่งเป็นท้องถิ่นของเจ้าของอาหาร ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของกลุ่มดุสิตธานี และดุสิต ฟู้ดส์ ที่การดำเนินธุรกิจของเราจะคำนึงพื้นฐาน 4 ประการ นั่นคือ อาหารจากธรรมชาติ (Be Natural) อาหารออร์แกนิคส์ (Be Organic) อาหารเพื่อสุขภาพ (Be Healthy) และการช่วยเหลือและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (Support The Local Community) ขณะเดียวกัน กลุ่มดุสิตธานียังมองเห็นโอกาสในการขยายช่องทางการจำหน่ายอาหารที่รวบรวมไว้ใน ?ปิ่นโตฮับ? เพื่อให้บริการในโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีที่กระจายอยู่ทั่วโลกอีกด้วย" นางสาวมณิศากล่าว
ด้านผู้บริหาร "ฟาร์ม ทู เพลท" นายราจีฟ อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาร์ม ทู เพลท โพรเซสเซอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ฟาร์ม ทู เพลท จะใช้ความชำนาญด้านนวัตกรรมในการคงรสชาติอาหารตามสูตรต้นฉบับ และเก็บรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ ขณะที่กลุ่มดุสิตธานี จะใช้ความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยต่อยอดให้กับร้านอาหารเอสเอ็มอีสามารถขยายสาขา เพื่อส่งต่อความอร่อยให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้นและกว้างขึ้น โดยพาร์ทเนอร์ร้านอาหารขนาดเล็กของเราทั้ง 21 ร้าน จะได้รับการส่งเสริมให้เมนูยอดนิยมของแต่ละร้านเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ และสามารถนำความอร่อยไปสู่ลูกค้าในต่างประเทศให้ได้สัมผัสประสบการณ์อาหารสตรีทฟู้ดส์ที่มีเสน่ห์ของไทยในอนาคตอีกด้วย