นางสาวภิญญดา แสงศักดาหาญ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า แนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1/67 คาดว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาส 4/66 เนื่องจากลูกค้าได้มีการทำการสั่งซื้อ และสต็อกวัตถุดิบไปมากแล้วในช่วงไตรมาส 4/66 ซึ่งมาจากการที่ในช่วงปลายปีก่อนมีความกังวลในเรื่องความล่าช้าในการขนส่งสินค้า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ทำให้ลูกค้ามีการออเดอร์สั่งซื้อวัตถุดิบและสินค้าเข้ามาล่วงหน้าค่อนข้างมากในช่วงไตรมาส 4/66 ที่ผ่านมา ส่งผลให้การสั่งซื้อในช่วงไตรมาส 1/67 ชะลอตัวลง แต่คาดว่าจะเห็นการออเดอร์สินค้าและวัตถุดิบเข้ามามากขึ้นในไตรมาสต่อๆไป
โดยที่บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายในปี 67 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 3-4% โดยที่การผลักดันการเติบโตของยิดขายในปีนี้จะเน้นไปที่กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) และกลุ่มสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (Value added) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่บริษัทจะเน้นมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะมีการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นกลุ่มสินค้าที่เข้ามาเสริมให้อัตรากำไรขั้นต้นทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 17-18% ในปีนี้ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากกว่าที่บริษัทประเมินไว้ที่ 33.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นปัจจัยที่จะเข้ามาหนุนต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับงบลงทุนในปี 67 วางไว้ที่ 4-4.5 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นงบลงทุนที่นำมาใช้รองรับการขยายสายการผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสต ที่จะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/67 และโรงงานการเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและขนมสัตว์เลี้ยงอีก 18.7% ซึ่งจะเปิดการผลิตได้ในไตรมาส 2/67
ส่วนการมองหาการซื้อกิจการเพิ่มเติมในปี 67 อาจจะไม่ได้เน้นการซื้อกิจการมากเหมือนเมื่อก่อน แต่หากมีโอกาสจะดูการซื้อกิจการในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มเข้ามาเพิ่มเติม