ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 52.43 จุด หรือ 0.41% แตะระดับ 12,866.78 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 5.11 จุด หรือ 0.37% แตะระดับ 1,397.68 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 12.75 จุด หรือ 0.52% แตะระดับ 2,451.24 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.10 พันล้านหุ้น
หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของบริษัทค้าปลีกหลายแห่ง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่ระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงมากเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ชะลอตัวลงมากเท่าที่ประมาณการในเบื้องต้น
ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจการธนาคารและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นอัลโคซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมปิดพุ่งขึ้น 4.1% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 1.11% และหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.3%
ส่วนหุ้นวอล มาร์ท ดีดขึ้น 33 เซนต์ ปิดที่ 57.16 ดอลลาร์ แต่หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนเม.ย.ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นโตโยต้าร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกร่วงลง 28% เนื่องจากสกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นและยอดขายที่ตกต่ำลงในอเมริกาเหนือ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--