KAMART บวก 10.14% มาอยู่ที่ 16.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 168.92 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.09 น. โดยเปิดตลาดที่ 16.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 16.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 16.00 บาท
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า บมจ.คาร์มาร์ท (KAMART) เข้าร่วม opp day เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ผู้บริหารได้มีการเปิดเผยถึง financial projections ของปี 67 และ 68 โดยปี 67 บริษัทตั้งเป้ารายได้ของ KAMART เอง ไม่รวม inorganic growth ที่ 3,250 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 900 ล้านบาท ส่วนปี 68 บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะ 4,000 ล้านบาท และ กำไรสุทธิที่ 1,100 ล้านบาท
ผู้บริหารได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าเป้ารายได้ที่รวม inorganic growth แล้วจะอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น growth ที่ 48% YoY สนับสนุนจากรายได้ cosmetic ของทุกแบรนด์ที่คาดว่าจะโตได้ต่อเนื่อง
แนวโน้มรายได้และกำไร ไตรมาส 1/67 ผู้บริหารกล่าวว่า ยังเป็นไปตามเป้ายอดขายและกำไรที่ตั้งไว้ ซึ่ง imply ว่า รายได้จะยังคงเป็น record-high ประกอบกับแนวโน้ม SG&A to sales ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ กำไรฟื้นตัว QoQ และโต YoY
บริษัทตั้งเป้ารายได้ export ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 15% ของเป้ายอดขาย และคิดเป็น growth ประมาณ 40-50% YoY จากปี 66
ครึ่งปีหลังนี้ ผู้บริหารคาดว่า จะได้เห็น inorganic growth จาก ดีล M&A ซึ่งยังไม่ได้มีการเปิดเผยว่าจะมีการ takeover บริษัทเครื่องสำอางแบรนด์ไหน
นายสุนทร กล่าวว่า แม้เป้า รายได้ และ กำไรของบริษัทจะดู Aggressive แต่อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองที่เป็นกลาง เนื่องจากเห็นสัญญาณแนวโน้มรายได้ที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 4/66 (high season) และการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับแนวโน้มค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดว่าจะยืนในระดับสูง เนื่องจากบริษัทมีการ promote new product ตาม media ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นแล้ว เลยมองว่าเป้ารายได้และกำไรสุทธิ ค่อนข้างที่จะท้าทาย
เรามีมุมมองที่สวนทางกับผู้บริหาร ในแง่ของรายได้และกำไรในไตรมาส 1/67 เนื่องจาก เราประเมินว่า รายได้คาดว่าจะยังเป็นช่วง low season โดยยังมีมุมมองเป็นกลางต่อ contribution ของ KMGI เนื่องจาก สินค้าร่วมทุนของทั้งสองบริษัท คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการตีตลาด ส่วนในแง่ของกำไร คาดว่า Net profit จะมี contribution ของ หุ้น MGI ที่บริษัท mark to market gain ซึ่งอาจจะทำให้ดูเหมือนโต YoY และ QoQ แต่อย่างไรก็ดีคาดว่า core profit จะ flat QoQ จากแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่ยังยืนอยู่ในระดับสูง
ในเชิง Industry view มองว่า การที่บริษัทตั้งเป้าโตสูงกว่า cosmetics industry ที่ Statista มีการประเมินว่า ค่าเฉลี่ยโตต่อปีอยู่ที่ 5% เรามองว่า เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากบริษัทก็ได้มีการพูดถึงแบรนด์ Loreal ที่ยังคงเป็นเบอร์ 1 ในตลาดบ้านเรา และ ทั่วโลก ประกอบกับ การแข่งขันที่คาดว่าจะรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
เบื้องต้น คงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 16.39 บาท อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการของเรา