BC ปี 67 โตรับอสังหาฟื้น เล็งเปิดตัว "โคฟ ฮิลล์" ใน Q2/67 จ่อขาย 1-2 โครงการตามโมเดล BOS

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 28, 2024 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC) เปิดเผยภาพรวมปี 67 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 25% จากการขยายธุรกิจหลัก ควบคู่การเดินหน้าปรับกลยุทธ์ มุ่งเน้นลดต้นทุน และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง

บริษัทได้ดำเนินการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โมเดล BOS เตรียมต้อนรับโครงการน้องใหม่ ศูนย์การค้าให้เช่า (รีเทล) ภายใต้ชื่อ โคฟ ฮิลล์ (Cove Hill) อยู่ระหว่างโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี และโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ ทำเลทองย่านเจริญกรุง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2/67 สนับสนุนการรับรู้รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ที่สนใจเข้ามาจับจองพื้นที่ ปัจจุบันมีอัตราจองพื้นที่เช่า ในปัจจุบันอยู่ในระดับ 80%

นอกจากนี้ บริษัทเริ่มโปรเจกต์ในมือที่เตรียมก่อสร้างโรงแรมจำนวน 2 โครงการ ที่หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต เพื่อตอบรับความต้องการปริมาณสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพ.ค.67 เป็นโปรเจกต์ชูโรง บนทำเลที่ดีมาก คาดแล้วเสร็จปลายปี 68 และที่ซอยสุขุมวิท 5 ซึ่งลงเสาเข็มเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกผู้รับเหมาหลัก

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกจากมาตรการการลงนามยกเว้นวีซ่า (Visa Free) ระหว่างไทย-จีน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน สนับสนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในปี 67 ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับเข้ามาเที่ยวอย่างคึกคักที่ตั้งแต่ต้นปี กลับมาติด Rank อันดับ 1 ของสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย

ทั้งนี้ การดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจ Hospitality ปัจจุบัน โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เปิดให้บริการแล้วจำนวน 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการซิทาดีนส์ 8, ซิทาดีนส์ 11, ซิทาดีนส์ 16, โอ๊ควู้ด เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 24 และ โจโน่ อโศก ด้วยอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น และโครงการในพื้นที่ต่างจังหวัด 4 โครงการ ประกอบด้วย เจอร์นีย์ฮับ ภูเก็ต, เจอร์นีย์ฮับ พัทยา, โนโวเทล เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ และ ไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ ด้วยจุดเด่นโครงการอยู่ในแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้ง การปรับโครงสร้างการบริหารงานจากส่วนกลางในธุรกิจโรงแรม คาดสนับสนุนต้นทุนลดลงเฉลี่ยประมาณ 30% ควบคู่ผลักดันราคาห้องพักให้สูงขึ้น สนับสนุน EBITDA ปรับตัวดีขึ้น จากการพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว

ขณะที่ยังมีโครงการมิกซ์ยูส ได้แก่ โครงการ ซัมเมอร์ พ้อยท์ (Summer Point) ที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าพระโขนง ซึ่งมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 94% ด้วยทีมบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และทำเลที่มีศักยภาพ

สำหรับแผนการขายตามโมเดล BOS บริษัทฯ ตั้งเป้าขายออก 1-2 โครงการภายในปีนี้ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างพูดคุยกับผู้ลงทุน รับอานิสงส์หลังผ่านช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้ว เริ่มมีนักลงทุนติดต่อมาหลายราย และราคาเป็นไปในทิศทางที่บริษัทประเมินไว้

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ ที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ KANA หรือ คณา ผ่าน บริษัท บีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด (บริษัทย่อย) ณ เดือนธ.ค.66 มีสาขาทั้งสิ้นรวม 11 สาขา ทั้งในพัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายกัญชาทางการแพทย์แห่งแรกในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่สยามดิสคัฟเวอรี่และคลับริมทะเล นอกจากนี้ ได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ โดยมีรายได้ผ่าน wholesalers เพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 4/66 บริษัทได้ขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขาใหม่ ในย่านพระโขนง ซอยสุขุมวิท24 และ Cafe del mar ภูเก็ต ซึ่งเป็นคลับริมทะเลเจาะกลุ่มสำหรับลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งและจัดเก็บสินค้าส่วนตัว ภายใต้แบรนด์ GO Storage มีอัตราการใช้บริการระดับ 75% เสริมภาพรวมผลการดำเนินงาน และสะท้อนการกระจายธุรกิจไปยังโอกาสใหม่ๆ

ในปี 66 BC มีรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงแรม และพื้นที่ให้เช่า เติบโตสูงสุดตั้งแต่ดำเนินกิจการ โดยอยู่ที่ระดับ 398.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 68.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี บริษัทตัดสินใจชะลอการขายโครงการในปีที่ผ่านมา เนื่องจากระดับราคาเสนอซื้อของสินทรัพย์ของบริษัทตามแนวทางธุรกิจโมเดล BOS ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมตลอดปี 66 ซึ่งเป็นผลจากทิศทางเศรษฐกิจและการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงทั่วโลกจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ในขณะที่ปี 65 บริษัทมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในโครงการโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ จำนวน 295 ล้านบาท เข้ามาในไตรมาส 4/65

อย่างไรก็ดี ในปี 67 ทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง และความคืบหน้าในการขายโครงการคาดทำได้ตามแผน ขณะที่ โครงการในมือที่อยู่ระหว่างพัฒนาและดำเนินงานบริหารจัดการบนทำเลที่มีศักยภาพ มีปัจจัยบวกจากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว อีกทั้งการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคัก พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ควบคุมต้นทุนอย่างเข้มข้น จึงมั่นใจว่า ทิศทางต่อจากนี้จะเป็นภาพบวกต่อธุรกิจ BC สร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างมั่นคงในอนาคต

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ครั้งที่ 2 (BC-W2) จำนวนไม่เกิน 57,048,574 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราจัดสรร 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ BC-W2 ราคาการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเท่ากับ 2.00 บาทต่อหุ้น อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ BC-W2 ต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น มีอายุไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ BC-W2


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ