บล.เอเซีย พลัส ระบุรายงานข่าว ก.คลังกำลังพิจารณามาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนฯ จากเดิม 2% เหลือ 1% และค่าจดจำนองจากเดิม 1% เหลือ 0.01% ที่ปัจจุบันให้เฉพาะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยจะทำการขยายให้สำหรับที่อยู่อาศัยราคาเกิน 3 ล้านบาทมีสิทธิเข้าร่วมมาตรการด้วย โดยให้สิทธิเฉพาะ 3 ล้านบาทแรกเท่านั้น รวมถึงขยายราคาบ้านในโครงการบ้านล้านหลังเฟส 3 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่ปัจจุบันให้กู้ต่อรายไม่เกินราคา 1.5 ล้านบาทเป็นไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้สอดคล้องกับราคาตลาดในปัจจุบัน และเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น
มาตรการดังกล่าว ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย สำหรับการพิจารณาขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนฯ-จดจำนองให้กับบ้านที่ราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มเติม แม้ให้สิทธิเฉพาะในส่วน 3 ล้านบาทแรกก็ตาม แต่ก็ถือว่าครอบคลุมตลาดในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากตลาดบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นกลุ่มราคาที่คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของมูลค่าทั้งตลาดรวม ดังนั้นการขยายกรอบราคาบ้านสูงขึ้นย่อมสร้างประโยชน์ให้กับฝั่งผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่ม ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้บางส่วน
ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนใน SET ซึ่งส่วนใหญ่มีพอร์ตสินค้าราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป ก็จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวด้วยเช่นกันโดยเป็นส่วนช่วยให้ BACKLOG รวมสิ้นไตรมาส 4/66 ระดับ 2.05 แสนล้านบาท (รวม JV 7.3 หมื่นล้านบาท) เป็นส่วนที่พร้อมส่งมอบปีนี้ราว 1.13 แสนล้านบาท และ ที่เข้าข่ายเกณฑ์ราคาตามมาตรการสามารถโอนฯ ได้ง่ายขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการระบายสต๊อกคงค้างของผู้ประกอบการที่มีอยู่รวมเกือบ 8 แสนล้านบาท (เป็นสต๊อกคอนโดฯ สร้างเสร็จ 1.26 แสนล้านบาท)
คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว, มีพอร์ตสินค้าหลากหลาย, การเงินแข็งแรง (NET GEARING ต่ำกว่า 1 เท่า) มีการเติบโตของกำไรปีนี้ และปันผลเกิน 6% ได้แก่ AP (FV@16.00) และ SPALI(FV@B27.30)