นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เอเชียนน้ำมันปาล์ม เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยใช้ ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "APO" ในวันที่ 2 เมษายน 2567
APO ประกอบธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบเพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเป็นส่วนใหญ่ มีโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มีกำลังการผลิตที่ 60 ตันทะลายปาล์มสดต่อชั่วโมง บริษัทริเริ่มโครงการ ตัดสุก มีสุข ปาล์มดีมีคุณภาพ หรือเรียกว่า Asian Plus+ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรคู่ค้าทะลายปาล์มสด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในการตัดทะลายปาล์มสดที่มีคุณภาพ เพื่ออัตราในการสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่ได้จากกระบวนการบำบัดน้ำเสีย และได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในปี 2547 ประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ในปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ รายได้ในปี 2566 แบ่งตามประเภทธุรกิจ คือ 1) ธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ และผลพลอยได้ ร้อยละ 99.46 2) รายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า ร้อยละ 0.54
APO มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 170 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 240 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 75 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 15 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงาน 10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 25 - 27 มีนาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 0.99 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 99 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 336.60 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 25.92 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ปี 2566) เท่ากับ 12.99 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.04 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APO เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนทุกขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมไปถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชุมชนในท้องถิ่น สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท
APO มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวนายนิพนธ์ อุดมผลกุล ถือหุ้นร้อยละ 58.93 นางสาวณัฐปภัสร์ ศุภพิพัฒน์ ถือหุ้นร้อยละ 3.36 นายปราโมช อมรพิศิษฎ์ ถือหุ้นร้อยละ 3.31 และนายพัฒน์ สุวรรณโชติศิริ ถือหุ้นร้อยละ 3.31 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย