ประกอบกับ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวย้ำมุมมองที่ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลง
ทั้งนี้ตลาดหุ้นเอเชียบางประเทศปิดทำการ เนื่องในวันเช็งเม้ง ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน อาจทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง
ให้แนวรับไว้ที่ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,384 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 เม.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,127.14 จุด ลดลง 43.10 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,211.49 จุด เพิ่มขึ้น 5.68 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,277.46 จุด เพิ่มขึ้น 37.01 จุด หรือ +0.23%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,928.33 จุด เพิ่มขึ้น 476.48 จุด หรือ +1.21% ส่วนตลาดหุ้นจีน ไต้หวันและฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (4 เม.ย.) เนื่องในเทศกาลเช็งเม้ง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 เม.ย.) 1,375.69 จุด ลดลง 3.77 จุด (-0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 41,843.43 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,581.61 ล้านบาท (3 เม.ย.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. (3 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 เม.ย.) อยู่ที่ 4.33 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.60 แข็งค่า รับดอลลาร์อ่อนค่า-บอนด์ยีลด์ชะลอ หลังดัชนี ISM สหรัฐต่ำคาด
- "ราคาทองโลก-ไทย" พุ่งร้อนแรง ทำออลไทม์ไฮครั้งใหม่ทองโลกแตะ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ดันทองไทยรูปพรรณทะลุ 40,000 บาท "สมาคมค้าทองคำ" ชี้เดือนเม.ย. นี้ แตะ 42,000 บาท และทิศทางเป็น "ขาขึ้น" ต่อเนื่อง ขานรับธนาคารกลางหลายประเทศแห่ตุนทอง หวังลดถือครอง "ดอลลาร์" ด้าน "บาทอ่อนค่า" ต่อเนื่อง "วายแอลจี"ใ ห้เป้าใหม่ปีนี้ที่ 2,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิด "4 ปัจจัย" หนุนราคาทะยาน "ดอกเบี้ยขาลง-เทคนิคแกร่ง-แรงซื้อจากจีน-ธนาคารกลางสะสม"
- เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคปี 67 คนไทยผิดหวัง หลังการเลือกตั้งมีรัฐบาล ยกให้เป็นปีแห่ง "คุณหลอกดาว"เหตุ"เศรษฐกิจไม่ฟื้น" "สินค้าแพง"ค่าครองชีพสูง แหล่งรายได้เสริมที่มั่นคงหายากกว่าเดิม ถึงขั้นแปลงบัตรประชารัฐเป็นเงินเข้ากระเป๋า ด้านบริบทชีวิต พึ่งตัวเองมากขึ้น เงินทุน ทรัพยากรที่มีต้องนำมาใช้จ่าย รัดเข็มขัด เน้นความคุ้มค่าแต่จนแค่ไหน ยังควักเงินซื้อลอตเตอรี่ เพราะให้ความบันเทิงในชีวิต "สายมู" ยังมาแรง ความหวังที่พึ่งทางใจ
- กกร.ประเมินอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ว่ามีแนวโน้มเติบโตได้ในกรอบประมาณการที่ 2.8-3.3% การส่งออกอยู่ที่ 2-3% เงินเฟ้ออยู่ที่ 0.7-1.2% ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง จากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของไทย ที่กระทบต่อการผลิต โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีขนาด 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจของประเทศไทย กำลังเผชิญปัญหา ไม่สามารถส่งออกได้เต็มศักยภาพ ทำให้การส่งออกฟื้นตัวได้ช้าไม่ทั่วถึง เช่น รถยนต์สันดาป ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive) และผลิตภัณฑ์พลาสติก ชะลอตัวลงจากปัจจัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว
- ศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องของ กกต.เสนอให้ยุบพรรคก้าวไกล เหตุเสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ให้โอกาสยื่นแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน "ชัยธวัช" ลั่น สู้เต็มที่ หลัง รธน.ให้เวลาแก้ต่าง 15 วัน ขออย่าด่วนสรุปผล เตรียมยื่นชี้แจงควบคู่แถลงต่อสาธารณะหลังสงกรานต์
- "สุริยะ" สั่งหน่วยงานด้านการบินเตรียมพร้อมรับการตรวจสอบมาตรฐาน FAA ภายในปีนี้ หวังดันไทยปลดล็อกสู่ CAT1 กลับบินเข้าน่านฟ้าอเมริกา กพท.เผยฟรีวีซ่าหนุนนักท่องเที่ยว จีน-อินเดียเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- QTCG ประกาศความพร้อมเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ในวันที่ 4 เมษายนนี้ ภายใต้ชื่อย่อว่า "QTCG" ราคา IPO ที่ 1.20 บาท โดยจะนำเม็ดเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ไปต่อยอดศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจสู่การขยายโอกาสการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical : M&E) ในอนาคต
- SAK (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 6.7 บาท เราคาดการณ์แนวโน้มสดใสและคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 17% YoY ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากอนุมัติงบประมาณปี 2567 และแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะช่วยให้ต้นทุนการเงินลดลง เราคาด ROE ของ SAK จะเร่งตัวขึ้นเป็น 14.8%/16.9% ในปี 2024-25E vs. ระดับก่อนโควิดที่ 15.4% ทำให้หุ้นมีโอกาสถูก re-rate ในเชิง PBV เราชอบ SAK ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่มีการควบคุมอย่างดี แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและมูลค่าปัจจุบันที่น่าสนใจกรอบ SET: 1,370-1,390 จุด
- SNNP (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.00 บาท กำไรไตรมาส 1/67 โตกลางๆ แต่จะเร่งขึ้นในไตรมาส 2/67
คาดกำไรไตรมาส 1/67 เติบโตกลางๆ ที่ 6% YoY (แต่ -1% QoQ จากผลกระทบตามฤดูกาล) สู่ระดับ 163 ล้านบาท หนุนจากยอดขายต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 12% YoY ยอดขายในเวียดนามโต 8% YoY ด้านยอดขายในประเทศเติบโตเล็กน้อย YoY เนื่องจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ เราคาดว่ากำไรจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป เนื่องจากการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนามและการสร้างโรงงานผลิตในเวียดนามแล้วเสร็จในต้นปี 2567 จะช่วยหนุนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นได้ด้วยเช่นกัน ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER67 ที่ 22 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีอยู่ 1 SD และเท่ากับกลุ่ม F&B แต่ SNNP มีกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่ 22% เทียบกับ 19% ของกลุ่ม