QTCG ปิดเทรดวันแรก 0.95 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -20.83% จากราคา IPO 1.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย1,206.15 ล้านบาท หลังจากเปิดมาพุ่งแรงที่ 2.18 บาทและขึ้นไปสูงสุด 2.28 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุ บมจ.คิวทีซีจี (QTCG) ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารแบบครบวงจร ประกอบด้วย 1.ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร 2.ระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ 3.ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา และ 4.ระบบป้องกันไฟภายในอาคาร โดยให้บริการตั้งแต่การวางแผนงาน ควบคุมดูแลการก่อสร้าง จัดหาวัสดุอุปกรณ์ไปจนถึงบริการหลังการขาย
ความเห็นของเรา : ได้รับความไว้วางใจในงานโครงการที่มีชื่อเสียง ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารมีหลายราย แต่ละรายมีความเชี่ยวชาญในประเภทการให้บริการประเภทงาน และฐานทุนในการประมูลงานโครงการที่แตกต่างกัน
QTCG มีความเชี่ยวชาญงานวิศวกรรมภายในที่มีความซับซ้อนและได้รับงานโครงการที่มีชื่อเสียงของอาคารระดับพรีเมียมเกรดในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า Data Center และอาคารทั่วไป เป็นต้น รวมทั้งสามารถรับงานโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 500-600 ล้านบาทได้ ซึ่งบริษัทสามารถให้บริการทั้งในฐานะผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาช่วง นอกจากนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนปี 64-66 ของบริษัทลดลงต่อเนื่อง จากการทยอยชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น
รายได้ขยายตัวตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รายได้จากงานก่อสร้างเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยมีสัดส่วนรายได้โครงการภาครัฐเทียบกับภาคเอกชนอยู่ที่ร้อยละ 40:60 มองว่ารายได้ปี 67 ขยายตัวขึ้น หลังคาดว่างบประมาณปี 67 ที่ล่าช้าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ในช่วงพ.ค. และเร่งตัวขึ้นไปจนถึงก.ย. ก่อนเข้าสู่งบประมาณปี 68 ในต.ค. ทำให้รายได้โครงการภาครัฐที่ชะลอตัวลงในปี 66 จะกลับมาเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ปี 67 ประกอบกับมีงานในมือรอการรับรู้ (Backlog) ณ 31 ธ.ค.66 อยู่ที่ 1,158.11 ล้านบาท โดยผู้บริหารคาดจะสามารถรับรู้ภายในปี 67 ได้อย่างน้อยราวร้อยละ 50
กำไรเติบโตตามรายได้ที่ขยายตัว โดยคาดกำไรเติบโต YoY ตามรายได้โครงการที่ขยายตัว ทำห้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น โดยต้นทุนค่าวัสดุและสินค้า รวมทั้งต้นทุนค่าผู้รับเหมาช่วงแรงงาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของบริษัทจะแปรผันตามลักษณะของงานที่ให้บริการ ขณะที่คาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลงจากค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เป็นแบบคงที่และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการเข้าตลาด ช่วยหนุนการเติบโตของกำไรและอัตรากำไรในปี 67
การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มฐานทุนในการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ขึ้นในครั้งนี้มีความเหมาะสม และมีปัจจัยติดตามต่อในด้านการประมูลงานโครงการใหม่ๆ ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท
ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความไม่ต่อเนื่องของรายได้, ความผันผวนของราคาต้นทุนวัสดุและอุปกรณ์
การประเมินเบื้องต้นอิงจาก PER เฉลี่ยของธุรกิจใกล้เคียงกันที่ 23 เท่า มองว่ามูลค่าเหมาะสมยังมี upside