SVI บวก 4.35% เทรดคึกคัก โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"รับผลบวกจากสายการผลิตใหม่

          หุ้น SVI ราคาวิ่งขึ้น 4.35% มาอยู่ที่ 1.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 10.31 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.08 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.42 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.44 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.42 บาท 
          บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอสวีไอ(SVI) คาดว่าการเพิ่มสายการผลิตใหม่อีก 5 สายการผลิต ในโรงงาน SVI-2 เมื่อเดือน พ.ย. 50 ที่ผ่านมา รวมมีสายการผลิตทั้งสิ้น 14 สายการผลิตในโรงงานดังกล่าว ประกอบกับความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มลูกค้าจำพวกโรงงานอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตต่อเนื่อง จึงคาดว่ารายได้ปี 51 ของบริษัทในรูปเงินเหรียญสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้อีก 12% YoY เป็น 190 ล้านเหรียญสหรัฐ 
          อย่างไรก็ดีเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ากดดันให้รายได้ในรูปเงินบาทในปี 51 ทรงตัวที่ 5,890 ล้านบาท และเป็นผลให้กำไรสุทธิปี 51 เท่ากับ 371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน)
          SVI ประกาศผลประกอบการ 1Q51 มีรายได้เท่ากับ 1,579 ล้านบาท ลดลง 3% QoQ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่เพิ่มขึ้น 24% YoY จากผลบวกการขยายสายการผลิตในโรงงาน SVI-2 (จังหวัดปทุมธานี) รวมถึงการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 113 ล้านบาท ลดลง 7% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 50% YoY
          ราคาปัจจุบันคิดเป็น P/E ratio เพียง 6 เท่า แม้ว่ากำไรของ SVI จะเติบโตในอัตราค่อนข้างต่ำเพียง 5% ในปี 51 และ 52 แต่มีความน่าสนใจในแง่ P/E ratio ที่ปัจจุบันซื้อขายเพียงแค่ 6 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ ในปี 51 ที่ 8 เท่า รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยให้ Fair Price 1.84 บาท (P/E ratio 8 เท่า)
          ด้านบล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"หุ้น SVI มีความน่าสนใจในแง่การเติบโตของผลประกอบการ และราคาถูก โดยประมาณการปี 51 คาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ เพิ่มขึ้น 8% Y-O-Y เป็น 380 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 0.21 บาท เนื่องจากยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าหลักในกลุ่ม Industrial Control, Office Automation และ Telecom ขณะเดียวกันการเพิ่มสายการผลิตใหม่ของโรงงาน SVI 2 ทำให้สามารถรับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นได้ 
          ส่วนในแง่ราคาหุ้น SVI ปัจจุบันถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่ดีของบริษัท โดยซื้อขาย PE และ PBV เพียง 5.3 เท่า และ 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.8 เท่า และ 1.4 เท่า ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 51 เท่ากับ 1.80 บาท ตามวิธี PE อิง PE 9 เท่า