บมจ.โปร อินไซด์ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเสนอขายหุ้นไม่เกิน 140,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาท และมูลค่าตามราคาบัญชี (Book Value) 0.91 บาท/หุ้น โดยมีบริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เงินในการระดมทุน IPO ครั้งนี้ เพื่อนำมาใช้เป็นเงินหลักค้ำประกันกับสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการขอออกหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee: LG) ให้กับงานโครงการ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานโครงการแก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ /รัฐวิสาหกิจ
โปร อินไซด์ เป็นบริษัทในเครือของ บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 91.40% หลังจากเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 67.70%
บริษัทเดิมชื่อบริษัท เรย์ เทล จำกัด (RAYTEL) ก่อตั้งโดยนายสยาม เตียวตรานนท์ นายพิมาน เตียวตรานนท์ และนายปยะ จิราภาพงศา ต่อมาในปี 62 ทาง SKY เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในธุรกิจ จึงมีการเปลียนแปลงลักษณะธุรกิจมามุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้การปรึกษา ออกแบบ ติดตัง ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร (ICT Solutions) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบงาน (Module) ภายในองค์กร โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ทังอุปกรณ์ (Hardware)และ ซอฟต์แวร์ (Software) เข้ามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการ รวมเป็นลักษณะงานออกแบบและพัฒนาแอพ พลิเคชั่นแบบเบ็ดเสร็จ (Application Solution)
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นให้บริการวางแผน ออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพแบบครบวงจร (Physical Security Solution) เช่น ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV Solution) ระบบควบคุมการเข้าออกสถานที่ (Access Control Solution) และระบบอ่านปายทะเบียนรถ (License Plate Recognition Solution) เป็นต้น
บริษัทได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและผลิตภัณฑ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิดชั้นนำระดับโลก เช่น Dahua Hikvision และ Huawei เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นคู่ค้าทีมีความสัมพันธ์ที่ดีทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ CISCO และ Fortinet เป็นต้น
รวมถึง บริษัทมีทีมวิศวกรและบุคลากรทีมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ผ่านการอบรมระดับสากลและได้รับใบประกาศนียบัตร (Certificates) จากเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกสามารถดำเนินงานในโครงการที่เกียวข้องกับการออกแบบ พัฒนา วางและติดตังระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความซับซ้อนได้อย่างครบวงจร เพื่อการบริการทีมีคุณภาพ สร้างความพึงพอใจสูงสุดและตรงตามความต้องการของลูกค้าทังหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ด้านรายได้ของบริษัทในปี 64-66 บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายและวางระบบแบบเบ็ดเสร็จ รายได้จากการให้บริการ และรายได้จากการขายเท่ากับ 674.61 ล้านบาท 642.61 ล้านบาท และ 1,075.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 36.35% ลดลง 4.74% และกลับมาเติบโตได้ 67.32% ตามลำดับ โดยในปี 66 สัดส่วนรายได้มาจากรายได้จากการให้บริการ 29.94% ของรายได้รวม และรายได้จากการจำหน่ายและวางระบบแบบเบ็ดเสร็จ 70.02% ของรายได้รวม และรายได้จากการขาย 0.04%
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท