เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 ทิศทางดี มีนโยบายจากภาครัฐหนุนในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส กระตุ้นยอดขายต่อบิลสูงขึ้น อีกทั้งมีเทศกาลต่างๆ อาทิ ปีใหม่ ตรุษจีน ที่สร้างการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ อานิสงส์เทศกาลสงกรานต์กระตุ้นร้านค้าปลีกในท้องถิ่นจับจ่ายใช้สอยคึกคักต่อเนื่องในไตรมาส 2/67
ปัจจุบัน ธนพิริยะมีสาขาครอบคลุมถึง 45 สาขา และมีแผนขยายอีก 6 สาขา หนุนสิ้นปีมี 51 สาขา ครอบคลุมจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และพะเยา โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าในชุมชน และนักท่องเที่ยวในทำเลในตัวเมืองหรือจุดที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบัน ธนพิริยะมีสินค้า 5 กลุ่ม คือ สินค้าใช้ในครัวเรือน เครื่องดื่มและขนม กลุ่มของใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก เครื่องสำอางและอาหารเสริม และยังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
ทั้งนี้ล่าสุดมีประกาศจากภาครัฐ แถลงการณ์ความคืบหน้าของนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยให้สิทธิ์ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ผ่านวงเงิน 5 แสนล้านบาท โดยมีเงื่อนไขที่สามารถใช้กับร้านค้าขนาดเล็กในอำเภอ หรือตามชุมชนเท่านั้น และจะซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ไม่ได้ คาดว่าจะเริ่มโครงการในไตรมาส 4/67 นี้ นับเป็นโครงการเรือธงของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับร้านค้าปลีกในประเทศไทย ซึ่งธนพิริยะเตรียมพร้อมรับอานิสงส์ จากการมีร้านค้ากระจายอยู่ครอบคลุมโซนภาคเหนือตอนบน คาดว่าจะเป็นไฮไลท์ที่เข้ามากระตุ้นยอดขาย และมั่นใจเป้าหมายการเติบโตรายได้รวมปีนี้วางไว้ที่ 10-15%