บมจ.เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) เปิดเผยว่า ในปี 51 ACAP ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตสินทรัพย์บริหารเป็น 6 หมื่นล้านบาทจาก 3.2 หมื่นล้านบาทในปี 50 โดยอยู่ระหว่างยื่นประมูลสินทรัพย์จากสถาบันการเงิน 2-3 แห่ง กว่า 3 หมื่นล้านบาท
ล่าสุด ACAP ได้ International Finance Corporation (IFC) ได้เข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ เป็นจำนวนสัดส่วนประมาณ 5% โดยการร่วมทุนครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์ทางด้านธุรกิจระหว่างกันได้
ส่วนงานด้านปรึกษาการเงินและวาณิชธนกิจ ในครึ่งปีหลังนี้เตรียมบันทึกรายได้ราว 70-80 ล้านบาท จากจำนวนดีล 4-5 ดีลจากที่มีในมือ 10 ดีล
นายวิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร ประธานกรรมการบริหาร ACAP เปิดเผยว่า ปัจจุบันพอร์ตสินทรัพย์ที่บริษัทบริหารได้เพิ่มขึ้นมาที่ 4.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเข้ายื่นประมูลสินทรัพย์จากสถาบันการเงิน 2-3 แห่ง มูลค่ารวม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ในปีนี้ ACAP จะมีสัดส่วนรายได้ด้าน IB ที่เพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปีก่อนที่มี 10% และการบริหารสินทรัพย์ 40-45% ที่เหลือเป็นสินเชื่อบุคคล ซึ่งในส่วนของสินเชื่อบุคคลในปีนี้จะมีการทยอยรับรู้ในส่วนของ แคปปิตอล โอเค เข้ามาด้วยในไตรมาส 2/51จึงทำให้มองว่ารายได้จากการดำเนินงานในปีนี้จะโตกว่า 100% หรือ 1,000 กว่าล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้จากการดำเนินงาน รวม 800 กว่าล้านบาท
"ถึงแม้ในปีนี้รายได้ด้าน IB จะเพิ่มขึ้นแต่เราก็ยังให้ความสำคัญในการบริหารสินทรัพย์กับด้านสินเชื่อบุคคลอยู่อย่างน้อย 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนการเข้ามาของ IFC ในสัดส่วน 5% นั้นเป็นการเข้ามาซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม ไม่ได้ทำให้การบริหารของบริษัทเปลี่ยนแปลงไป" นายวิวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ การเข้าถือหุ้นของ IFC จะทำให้ ACAP มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยจะหาการทำธุรกรรมรูปแบบใหม่ๆ นอกเหนือจากปัจจุบันที่จะเข้าไปรับจ้างบริหารและในอนาคตสามารถต่อยอดการทำธุรกรรมในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาดในจีน และอินโดนีเซีย
"IFC เข้าซื้อหุ้นจากทางผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งคาดว่าจะจบการเจรจาได้ภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทไม่จำเป็นต้องใช้เงิน จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน" นายวิวัฒน์ ระบุ
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--