น.ส.ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานแผนและพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ชี้แจงงบการเงินรวมไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวม 1,628.13 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 2,757.63 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,129.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41
โดยสาเหตุหลักมาจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวนเงิน 61,257.79 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนจำนวนเงิน 50,550.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,707.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21 และมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 11,451.01 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในไตรมาสปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบในไตรมาสเดียวกันของปี
ก่อน และเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาขายของสินค้า ทำให้มีกำไรขั้นต้นลดลง 743.61 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27
โดยบริษัทฯ มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 181,535 บาร์เรลต่อวันในปีปัจจุบัน เมื่อเทียบกับที่ระดับ 186,114 บาร์เรลต่อวันในปีที่ผ่านมา คิดเป็นลดลงร้อยละ 2
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากการนำเงินสดที่ได้จากการดำเนินกิจการไปลงทุนระยะสั้นในตั๋วแลกเงินระยะสั้น และเงินฝากประจำลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้ได้รับดอกเบี้ยในไตรมาสปัจจุบันลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวนเงิน 141.38 ล้านบาท
มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนเงิน 744.27 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวนเงิน 449.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 294.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66
ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนเป็นจำนวน 449.84 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ไม่มีกำไรจากรายการดังกล่าว
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวนเงิน 1,188.28 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 1,007.12 ล้านบาท เป็นจำนวนเงิน 181.16 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 เนื่องจากมีขาดทุนจากการขายและปรับมูลค่าเงินลงทุนอยู่จำนวน 366.76 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง จำนวน 106.26 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง จำนวน 68.87 ล้านบาท
มีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 312.88 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวนเงิน 261.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.60 ล้านบาท หรือร้อยละ 20 เนื่องจากในวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 และวันที่ 29 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการจ่ายชำระเงินกู้จากระยะสั้น 1 ปี (Bridge Loan)จำนวนเทียบเท่า 805 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงานบางส่วนและทำการออกหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐ จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุ 10 ปี และหุ้นกู้สกุลบาท จำนวน 10,000 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นจำนวน 7,000 ล้านบาท อายุ 7 ปี และจำนวน 3,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี ซึ่งมีต้นทุนอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินกู้ระยะสั้น ทำให้บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--