นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบ โดยนักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกของสหรัฐวันนี้ (25 เม.ย.) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)ในวันศุกร์ (26 เม.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังการรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ค่อนข้างดี ส่งผลให้นักลงทุนปรับคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดลงจาก 3 ครั้งเหลือเพียงอย่างมาก 1 ครั้ง
ทั้งนี้หากตัวเลข GDP และ PCE สหรัฐสูงกว่าคาด อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้นอีก ขณะที่เมื่อวานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง. พร้อมที่จะทบทวนนโยบายอัตราดอกเบี้ย หากมีข้อมูลใหม่เข้ามาเพิ่มเติม และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อมุมมองเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้โอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเพียง 1 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า กดดันเงินบาทอ่อนค่าลงอีก
นอกจากนี้วันนี้ติดตามตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงความคืบหน้ามาตรการยกระดับการกำกับดูแล ซึ่งหากมาตรการมีความเข้มงวดมากขึ้น อาจสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน และทำให้หุ้นที่ถูก Short Sell อาจต้อง Cover Short
กลยุทธ์การลงทุนในสถานการณ์ที่โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยน้อย แนะนำลงทุนกลุ่มธนาคาร และเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลังเมื่อคืนนี้ดัชนี NASDAQ ยังปรับตัวขึ้นต่อ
โดยให้กรอบแนวรับ 1,350 จุด และแนวต้าน 1,365 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,460.92 จุด ลดลง 42.77 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,071.63 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,712.75 จุด เพิ่มขึ้น 16.11 จุด หรือ +0.10%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,065.91 จุด ลดลง 394.17 จุด หรือ -1.02% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 17,144.12 จุด ลดลง 57.15 จุด หรือ -0.33% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,037.93 จุด ลดลง 6.89 จุด หรือ -0.23%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 เม.ย.) 1,361.10 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด (+0.27%) มูลค่าซื้อขาย 38,553.81 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 471.44 ล้านบาท (24 เม.ย.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 เม.ย.) อยู่ที่ 2.97 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 37.08 แนวโน้มอ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า จับตา GDP สหรัฐคืนนี้
- "คลัง" เดินหน้านโยบายแจก เงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาท หลัง ครม.ให้ความเห็นชอบ ธ.ก.ส.นัดประชุม 26 เม.ย.นี้ ลุ้นหารือใช้เงินแบงก์แจกเกษตรกร 1.7 แสนล้านบาท "ปลัดคลัง" เมินความเห็น ธปท.ที่เสนอให้ทบทวน พร้อมแสดงความกังวลการใช้เงิน ธ.ก.ส.แจกเกษตรกร ชี้ ต้องถามความเห็นกฤษฎีกา ห่วงกระทบฐานะการเงิน ความเชื่อมั่นผู้ฝากเงิน
- "แบงก์ชาติ" ย้ำอัตราดอกเบี้ย 2.50% เหมาะสม เอื้อให้เศรษฐกิจเติบโตสู่ระดับศักยภาพ ไม่ใช่ระดับฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย เผย "ไม่ค้าน" หากแบงก์พาณิชย์ลดดอกเบี้ย เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง-รายย่อย ย้ำเป็นสิ่งที่ดีสอดคล้องกับแนวทางธปท. ที่ดำเนินการมาตลอด
- บอร์ด ก.ล.ต.ไฟเขียว "กองทุน" ลงทุนอินเวสท์เมนท์โทเคน-คริปโทฯ จำกัดความเสี่ยงสร้างทางเลือกนักลงทุน "รายใหญ่-ย่อย" พร้อมปรับปรุงหลักเกณฑ์ทำไฟลิ่งอินเวสท์เม้นท์โทเทค รูปแบบ Shelf Filling หนุนซอฟต์เพาเวอร์ เตรียมเปิดเฮียริ่งพ.ค.นี้ บอร์ดตลท. อนุมัติใช้ Uptick rule ป้องกันขายชอร์ต กดราคาหุ้น พร้อมให้ HFT ขึ้นทะเบียน ดูพฤติกรรมลงทุน
- "สุริยะ" เดินหน้าลดภาระประชาชน มั่นใจภายใน ส.ค.67 นี้ ลดค่าทางด่วนขั้นที่ 2 ลงเหลือเฉลี่ยจ่ายไม่เกิน 50 บาทต่อคันต่อเส้นทาง จากเดิมจ่ายเฉลี่ย 90 บาทต่อคันต่อเส้นทาง
หุ้นเด่นวันนี้
- SAPPE (ดาโอ) คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 106.00 บาท อิง 2024E PER 25.0x (ใกล้เคียง +2.25SD above 5-yr avg PER) เราประเมินกำไรสุทธิ 1Q24E ที่ 334 ล้านบาท (+22% YoY, +99% QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ กำไรขยายตัว YoY จาก 1. รายได้รวมขยายตัว +20% YoY สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนโดยรายได้ต่างประเทศที่เติบโตสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซน Middle East และ US ที่เติบโตสูง ด้านตลาดในประเทศก็ขยายตัวต่อเนื่อง จากการเปลี่ยน distributor ใน traditional trade รวมถึงมีการรีแบรนด์ Beauti Drink ในรอบ 15 ปี ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคใหม่ได้มากขึ้น
2. GPM ขยายตัว YoY จากต้นทุน PET Resin และพลังงานที่ลดลง ช่วยชดเชยต้นทุนน้ำตาลที่สูงขึ้น คาด utilization rate อยู่ที่ 80% (1Q23 =81%, 4Q23 = 71%) ด้านกำไรที่ขยายตัว QoQ เป็นไปตามฤดูกาล
คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 1,307 ล้านบาท (+22% YoY) กำไรสุทธิ 1Q24E มีสัดส่วนที่ 26% ของประมาณการกำไรปี 2024E เราคาดกำไรสุทธิ 2Q-3Q24E ยังเดินหน้าทำ All Time High ต่อเนื่อง จาก 1. กำลังการผลิตใหม่ +25% ที่เข้าตั้งแต่ เม.ย.นี้ และ 2. เข้าสู่ high seasonราคาหุ้น outperform SET +6% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา
มองว่า valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตเทียบ 2022-25E EPS CAGR +33% โดยปัจจุบัน SAPPE เทรดอยู่ที่ 2024E PER 22.3x
- KKP (กสิกรไทย) คงคำแนะนำ ซื้อ และเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 62 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากเราคาดว่าผลขาดทุนจากยอดขายรถยนต์ถูกยึดจะลดลง โดยสต๊อกรถยนต์ถูกยึดลดลงสู่ระดับที่เหมาะสมในไตรมาส 1/67 เราคาดว่า NIM จะลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 2/67 และจะทรงตัวในครึ่งหลังของปีนี้ ผู้บริหารมีแผนที่จะเพิ่มอัตราส่วน CASA เพื่อลดต้นทุนกองทุนต่อไป เราปรับประมาณการกำไรปี 67-69 ขึ้น 6%/4%/6% ตาม credit cost ลดลง
- BH (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 305 บาท กำไรสุทธิ 1Q24 ออกมาที่ 2 พันล้านบาท +15% q-9, +25% y-y ทำ New High และดีกว่าที่ตลาดคาดมาก แม้จะถูกกระทบจากช่วงรอมฎอนมากขึ้นในปีนี้ แต่ได้แรงหนุนจากฝั่งต้นทุนที่ต่ำกว่าคาด หนุน Margin ปรับตัวสูงขึ้น
โมเมนต้มกำไรปี 2024 แม้จะอ่อนตัวลง (-9 ตามฤดูกาล แต่ยังมีลุ้นโตได้ y-y ประมาณการกำไรปี 2024 ปัจจุบันที่ 7.4 พันล้านบาท +5% y-Y ราคาหุ้นเทรด PER เพียง 25 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 30 เท่า