บมจ.ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล(UKEM)ปฏิเสธข่าวลือกองทุนจากสหรัฐฯเข้าซื้อหุ้น 30 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 18% ระบุโครงสร้างการถือหุ้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง กลุ่ม"สุวรรณนภาศรี"ยังถือหุ้นรวมกัน 58% และกลุ่มผู้ถือหุ้นรายเดิมที่ถือหุ้นตั้งแต่แรกเริ่มก็ยังอยู่กันครบ แต่ยอมรับอยู่ระหว่างเจรจาเลือกพันธมิตรจีนหรือญี่ปุ่นเพื่อร่วมตั้งโรงงานผลิตน้ำยาเคมีเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และอุตสาหกรรมสีในประเทศไทย คาดลงทุนขั้นต่ำ 200-250 ล้านบาท ไม่เกิน มิ.ย.ได้ข้อสรุป เริ่มก่อสร้างราวไตรมาส 3/51 ใช้เวลา 2-3 ปี
พร้อมกันนี้ เตรียมปรับประมาณการรายได้ปี 51 เป็น 2.6-2.7 พันล้านบาท จาก 2.5 พันล้านบาท หากได้รับเลือกเป็นตัวแทนขายน้ำมันเครื่องในเขตภาคอีสานให้กับ ESSO มูลค่าปีละ 120 ล้านบาท และเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำยาเคมีให้กับ"พีทีที ฟีนอล"มูลค่าปีละ 400-500 ล้านบาท
"เรื่องข่าวลือมีกองทุนสหรัฐเข้ามาถือหุ้น ไม่จริงครับ ขอปฏิเสธ กับอเมริกาเคยคุยจริงแต่ไม่จบก็เลยไม่ตกลง และเราไม่ได้หาพันธมิตรมาซื้อหุ้น UKEM นะครับ ตอนนี้โครงสร้างผู้ถือหุ้นยังเหมือนเดิม กลุ่ม"สุวรรณนภาศรี"ยังถือหุ้นรวมกันประมาณ 58% ส่วนกลุ่มผู้ถือหุ้นที่เข้ามาตั้งแต่แรกเริ่มก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิม"นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี รองกรรมการผู้จัดการ UKEM เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"
สำหรับพันธมิตรจีนหรือญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่และโรงงานผลิตน้ำยาเคมี เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และอุตสาหกรรมสีในประเทศไทยคาดว่าไม่เกินเดือน มิ.ย.นี้น่าจะได้ข้อสรุป เริ่มก่อสร้างโรงงานราวไตรมาส 3/51 และจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี ใช้เงินลงทุนอย่างต่ำ 200-250 ล้านบาท
นายพีรเจต กล่าวว่า ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับหลังโรงงานใหม่เสร็จเรียบร้อย ถ้าทุกอย่างลงตัว ทั้งวัตถุดิบ การตลาด และการเงินการลงทุน น่าจะทำให้บริษัทจะมีผลกำไรกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นมากในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
"มิ.ย.นี้น่าจะจบ เราจะเลือกเหลือเพียงรายเดียว ข้อดีของพันธมิตรจีนคือมีเทคโนโลยีที่ดี ขณะที่พันธมิตรญี่ปุ่นมีจุดแข็งเรื่อง Network และการตลาด และเราเชื่อว่าหลังโรงงานใหม่เดินเครื่องผลิต รายได้ของบริษัทจะ Turn Over รอบใหญ่"นายพีรเจต กล่าว
*เล็งปรับประมาณการรายได้ปี 51 เป็น 2.6-2.7 พันลบ.จาก 2.5 พันลบ.
นายพีรเจต กล่าวว่า บริษัทอาจพิจารณาปรับประมาณการรายได้ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2.6-2.7 พันล้านบาท หากได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องในเขตภาคอีสานให้กับ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)หรือ ESSO มูลค่าปีละประมาณ 120 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 10-15% มาที่ 2.5 พันล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำยาเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และอุตสาหกรรมสีให้กับบริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัดบริษัทในเครือ PTT มูลค่าปีละ 400-500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าบริษัทไม่มีแนวคิดจะย้ายไปเทรดในตลาด SET
"เราไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องย้ายตลาดฯ"นายพีรเจต กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--