นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวานนี้ (24 เม.ย. 67) ได้มีการพิจารณามาตรการควบคุมการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มเติม เพื่อยกระดับความเชื่อมั่น
- เพิ่มให้ทำ Uptick กับหุ้นทุกตัว โดยกำหนดให้การขายชอร์ตทุกหุ้นต้องมีราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick) โดยหากราคาซื้อขายล่าสุด (Last Trading Price) อยู่ที่ Bid แรก จะสามารถส่งคำสั่งซื้อ Short Selling ต้องใช้ราคา Offer แรกหรือสูงกว่า และอีกกรณีหากราคาซื้อขายล่าสุด (Last Trading Price) อยู่ที่ Offer แรก หากจะส่งคำสั่งซื้อ Short Selling ต้องใช้ราคา Offer ลำดับที่สูงกว่า เพื่อทำให้การทำ Short Selling มีความยากขึ้น
- หุ้นนอก SET100 ที่สามารถขายชอร์ตได้ เพิ่มเกณฑ์ Market Cap เป็น 7.5 พันล้านบาท จากเดิม 5 พันล้านบาท
- เพิ่มการควบคุม High Frequency Trade (HFT) ให้สมาชิกและลูกค้าที่ใช้ HFT ต้องยื่นคำขอ และเปิดเผยข้อมูลของผู้ลงทุนในระดับ Sub-Account และ Omnibus Account รวมถึง เปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมให้แก่สมาชิกทุกราย
- หากราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติและมีความผันผวนมากได้มีการเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น โดยกำหนดความเคลื่อนไหวของราคา (ที่แคบกว่า Celling และ Floor) ของหุ้นของผู้ลงทุนก่อนขาย
มาตรการดังกล่าวทั้งหมดจะเริ่มบังคับใช้ในปลายไตรมาส 2/67
ส่วนในไตรมาส 3/67 ใช้มาตรการ Auction หุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย Level 2 เพิ่มเติมจากมาตรการอื่นๆ ที่ยังคงบังคับใช้อยู่ โดยจะเปิดจับคู่ซื้อขายวันละ 3 รอบ ได้แก่ Pre-open 1, Pre-open 2 และ Pre-close สุ่มเวลาจับคู่เหมือนหุ้นปกติ และมีการกำหนดช่วง No-matching 1 และ No-matching 2 ที่ไม่เปิดให้ส่งออเดอร์ แต่สามารถอัพเดทออเดอร์และยกเลิกออเดอร์ได้
ส่วนออเดอร์ที่ส่งคำสั่งซื้อไปแล้วจะมีการหารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์อีกครั้งว่าจะสามารถยกเลิกออเดอร์คำสั่งซื้อ-ขายทั้งหมดที่ค้างอยู่ หรือจะให้คงสถานะออเดอร์คำสั่งซื้อ-ขายไว้ได้
นอกจากนี้ ยังกำหนดเวลาขั้นต่ำของออเดอร์ที่จะยกเลิกคำสั่งหรือแก้ไข (Minimum Resting Time) ต้องไม่ต่ำกว่า 250 millisecons หากทำก่อนเวลาที่กำหนดจะถูก Reject โดยระบบ ซึ่งจะเริ่มใช้ในช่วงไตรมาส 4/67
ทั้งนี้ มาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น และป้องกันการสร้างราคาหุ้น ช่วยในการควบคุมความและลดผันผวนของราคาหุ้น แฃะทำให้การทำ Short selling สามารถทำได้ยากขึ้น ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้คำนึงประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ และมีการพิจารณาถึงผลกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยอย่างรอบคอบแล้ว และทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็เห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรการดังกล่าว