นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) กลุ่มธุรกิจน้ำมันปาล์มยักษ์ใหญ่ของไทย โชว์อาณาจักรธุรกิจครอบคลุมการผลิตตั้งต้นน้ำไปจนปลายน้ำ ต่อยอดไปถึงธุรกิจเทรดดิ้ง และโลจิสติกส์ทั้งการขนส่งทางบกและทางน้ำ ครอบคลุมเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ พร้อมให้บริการกับธุรกิจนอกกลุ่มเพื่อเสริมรายได้ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมขีดสุดเพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในครึ่งหลังปี 67 เพื่อสร้างการเติบโตไม่หยุดไปกับดีมานด์ในตลาดโลก
"PCE มองว่าธุรกิจอุตสาหกรรมปาล์มยังมีแนวโน้มที่ดีและสดใสต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้มีมากกว่ากำลังการผลิต ขณะนี้ PCE เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งความสามารถในการผลิต ระบบซัพพลายเชนที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับลูกค้า และรองรับการขยายตัวของความต้องการใช้ในอนาคตได้ ซึ่งจะทำให้เราก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันปาล์มอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดธุรกิจจนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต" นายประกิต กล่าว
ปัจจุบัน PCE มีบริษัทย่อย 5 บริษัท ซึ่งมีโอกาสจะผลักดันให้แต่ละบริษัทเข้าไประดมทุนในอนาคตหากผลประกอบการเติบโตได้ตามเกณฑ์
- บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ และน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค ภายใต้ตราสินค้า "รินทิพย์" โดยมีถังเก็บน้ำมันปาล์มและน้ำมัน B100 ทั้งหมด 80 แทงค์สามารถจัดเก็บได้ปริมาณ 100,000 ตัน
- บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด (PACO) ซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม เมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากปาล์ม โดยจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
- บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด (PKM) ให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือมาตรฐาน ขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอส มีพื้นที่ให้บริการกว่า 50,000 ตร.ม. และมีคลังน้ำมัน 2 แห่ง จำนวน 58 แทงค์รองรับปริมาณการจัดเก็บได้ถึง 240,000 ตัน โดยมีท่าเทียบเรือทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
- บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด (PC) ให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ มีรถให้บริการมากกว่า 150 คันเพื่อขนส่งน้ำมันปาล์ม รวมถึงสินค้าแห้งและอื่นๆ
- บริษัท พี.ซี. มารีน (1992) จำกัด (PCM) ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือทั้งในและต่างประเทศ มีเรือ 13 ลำ ขนาด 1,800-3,100 ตัน ขนส่งสินค้าได้ทั้งของแห้งและของเหลวได้กว่า 1,000,000 ตัน
นายประกิต กล่าวว่า ปัจจุบันมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบและไบโอดีเซลในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เราคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี โดยประเทศไทยยังมีพื้นที่สำหรับเพาะปลูกเพื่อการเกษตรอีกจำนวนมาก ซึ่งปาล์มน้ำมันเป็นพืชเกษตรสำหรับบริโภคและพลังงานที่มีต้นทุนถูกกว่าพืชชนิดอื่น จึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศและยังมีความต้องการใช้ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการบริหารจัดการและประสบการณ์ มากกว่า 40 ปี ในฐานะผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มพร้อมระบบซัพพลายเชนครบวงจร ของ PCE ที่ประกอบธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีธุรกิจโรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม รวมไปถึงธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายน้ำมันปาล์มและผลผลิตพลอยได้อื่นๆ พร้อมทั้งให้บริการด้านคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ รวมทั้งยังมีธุรกิจให้บริการขนส่งทางเรือและทางบก ทำให้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทมีความสามารถในการรองรับเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทิศทางการดำเนินงานในปี 67 คาดว่าบริษัทจะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% จากปี 66 ที่มีปริมาณการผลิตกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากอุปสงค์ของในการใช้น้ำมันปาล์มทั้งในและต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตปาล์มยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของความต้องการใช้ของทั่วโลก
สำหรับการระดมทุนของ PCE ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) แล้ว จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,750 ล้านบาท และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนใน SET หมวดธุรกิจ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร-AGRO (กลุ่มอุตสาหกรรม : ธุรกิจการเกษตร-AGRI) ราวครึ่งหลังปี 67
วัตถุประสงค์ในการระดมทุน บริษัทจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล (B100) เช่น โรงสกัดน้ำมันปาล์ม รวมถึงลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และควบคุมต้นทุน อีกทั้งเพื่อต่อยอดหรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ ของ นิว ไบโอดีเซล และ ปาโก้เทรดดิ้ง ที่ประกอบธุรกิจหลักของกลุ่ม PCE
นายประกิต กล่าวว่า PCE มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับองค์กรให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต การเข้าจดทะเบียนใน SET จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง ทั้งด้านฐานะการเงิน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม
บริษัทยังอยู่ระหว่างการริเริ่มโครงการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วเพื่อสร้างการเรียนรู้ให้ชุมชนเกี่ยวกับการนำไปผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วที่กลุ่ม บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กำลังลงทุนตั้งฐานการผลิตคาดว่ามีผลผลิตออกมาภายในไตรมาส 1/68 ซึ่งบริษัทมีแผนจะเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าว โดยจะเป็นผู้รวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วในพื้นที่เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนเป็นอย่างมาก
"ปาล์ม เป็นพืชมหัศจรรย์ เป็นเหมือนทองคำ ปลูกครั้งเดียว รอ 4-5 ปี เก็บเกี่ยวได้ทุก 15 วัน ทุกส่วนของผลปาล์มนำไปใช้ได้หมด ไม่มีของเสีย เป็น Zero Waste แม้กระทั่งน้ำเสียก็นำไปใช้ผลิตไฟฟ้าได้ แล้วผลผลิตก็อยู่ในชีวิตประจำวันของคนแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ของใช้ อย่าง สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก โลชั่น อาหาร ยารักษาโรค น้ำมันพืช ไปจนถึงพลังงาน
ขณะนี้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกปาล์มอันดับ 3 ของโลก แต่พื้นที่ปลูกยังห่างไกลจากอินโดฯ ที่เป็นอันดับหนึ่ง และมาเลเซียที่เป็นอันดับ 2 มากกว่าครึ่ง ทั้ง ๆ ที่พื้นที่เพาะปลูกสินค้าเกษตรทั่งประเทศของเรายังมีอีกมาก ถ้าทำให้เกษตรกรหันมาปลูกปาล์มได้มากขึ้นโอกาสโตยังมีอีกมากเข่นกัน"