ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ YSTH ที่ AA(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ F1+
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตมีปัจจัยหนุนจากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตของ YSTH สะท้อนถึงการที่ฟิทช์คาดว่าบริษัทแม่ระดับสูงสุดของกลุ่ม (ultimate parent) ซึ่งคือ Yuanta Financial Holdings Co., Ltd. (YFHC; BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพ/bbb+) จากไต้หวัน น่าจะให้การสนับสนุนพิเศษนอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานตามปรกติ (extraordinary support) แก่ YSTH ในกรณีที่มีความจำเป็น ฟิทช์มองว่า YSTH เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ YFHC นอกจากนี้อันดับเครดิตของ YSTH ยังสะท้อนถึงโครงสร้างเครดิตของบริษัทซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่เปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ
บริษัทแม่มีความสามารถที่แข็งแกร่งในการให้การสนับสนุน: ความสามารถของ YFHC ในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกพิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของตัวบริษัทแม่เอง ซึ่งสะท้อนได้จากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ bbb+ ทั้งนี้ YFHC เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ของกลุ่มการเงินและมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักทรัพย์ในไต้หวันและมีการขยายธุรกิจไปในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจประกันชีวิตในไต้หวัน รวมทั้งการขยายการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ไปในต่างประเทศ
ฟิทช์เชื่อว่าการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ YFHC เนื่องจาก YSTH มีขนาดสินทรัพย์ที่ค่อนข้างเล็ก โดยคิดเป็นเพียงน้อยกว่า 1% ของสินทรัพย์รวมของ YFHC ณ สิ้นปี 2566
มีบทบาทที่สำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่ม: ฟิทช์เชื่อว่า YSTH มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ของกลุ่ม Yuanta เนื่องจากบริษัทมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนแผนงานของกลุ่มในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดย YSTH เป็นบริษัทลูกของกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าประเทศไทยยังไม่นับว่าเป็นตลาดหลัก (core market) ของกลุ่มบริษัทแม่ โดย YSTH ยังมีสัดส่วนในการสนับสนุนกำไรของกลุ่มที่ค่อนข้างน้อย ที่ประมาณ 1%-2% ของกำไรสุทธิของกลุ่ม
การควบคุมดูแลและการผสานการดำเนินงานที่ใกล้ชิด: อันดับเครดิตของ YSTH ยังพิจารณาถึงสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทแม่ที่ 99.9% การที่บริษัทแม่มีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการ ผ่านการแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคาร และการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าร่วมกัน รวมทั้งการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับกลุ่มบริษัทแม่ YSTH ยังได้รับการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานจากกลุ่มบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องและยังมีระดับความร่วมมือกับบริษัทแม่ในการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงในด้านการระดมเงิน (funding) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านชำนาญด้านเทคนิคและระบบการปฏิบัติงาน
ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับเพียงพอแม้ภาวะตลาดจะผันผวน: รายได้ของ YSTH ส่วนใหญ่จะผันแปรตามสภาวะตลาดหลักทรัพย์และตลาดทุนซึ่งมีความผันผวน ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นข้อจำกัดในการพิจารณาโครงสร้างเครดิตของตัวบริษัทเอง (standalone profile) ในขณะที่อันดับเครดิตของบริษัทที่มีปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิตจากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดดังกล่าว ความสามารถในการทำกำไรของ YSTH ปรับตัวลดลงในปี 2566 เนื่องจากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่อ่อนแอและการปรับตัวลดลงถึง 29% ของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อเทียบกับปี 2565 แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ในระดับที่เพียงพอ โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 7.1% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 3.1%
ฟิทช์คาดว่า YSTH น่าจะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมได้ในระยะปานกลาง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น (franchise) ขนาดของธุรกิจ และความหลากหลายที่มากขึ้นของแหล่งรายได้
สัดส่วนหนี้สินและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่น่าพอใจ: YSTH มีสัดส่วนหนี้สินที่ค่อนข้างดีมาอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยมีอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 3.5 เท่า (เทียบกับ 4.1 เท่า ของอุตสาหกรรม) ซึ่งฟิทช์มองว่าน่าจะเป็นผลมาจากฐานเงินทุนที่มีขนาดใหญ่กว่าและการไม่จ่ายเงินปันผล นอกจากนี้ YSTH ยังมีความสามารถในการระดมทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยบริษัทสามารถเข้าถึงการระดมเงินทุนผ่านตลาดทุนในประเทศได้และยังมีวงเงินกู้จากธนาคารหลายแห่ง อีกทั้ง YSTH ยังมีวงเงินกู้ยืมสำรองระหว่างบริษัทในกลุ่ม (back-up intra-group liquidity lines) เพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทและสนับสนุนความสามารถในการชำระหนี้
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน): การปรับตัวด้อยลงของความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกของ YFHC ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จากการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ YSTH แต่ทั้งนี้การปรับอันดับเครดิตจะพิจารณาเปรียบเทียบโครงสร้างเครดิตของ YSTH กับสถาบันการเงินรายอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้การปรับลดลงของโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนแก่ YSTH ก็จะส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ YSTH ถูกปรับลดอันดับได้อีกด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทแม่ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงต่ำกว่า 75% ควบคู่ไปกับการลดระดับอำนาจในการควบคุมด้านการบริหารจัดการของบริษัทแม่และระดับความเชื่อมโยงด้านบริหารงานหรือด้านธุรกิจระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูก อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ YSTH ไม่น่าจะถูกปรับลดอันดับ เว้นแต่ในกรณีที่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทถูกปรับลดลงไปที่ A+(tha) หรือต่ำกว่า
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน): อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ YSTH อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต หากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ YFHC ได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ซึ่งจะบ่งชี้ว่าบริษัทแม่มีความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในระดับที่เพิ่มขึ้น
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากฟิทช์เชื่อว่าแนวโน้มที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนแก่ YSTH มีการปรับตัวสูงขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หาก YFHC เพิ่มการลงทุนอย่างมากในด้านทรัพยากรณ์เพื่อสนับสนุนธุรกิจและการดำเนินงานของ YSTH ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทลูกมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นต่อเครื่อข่ายธุรกิจของบริษัทแม่
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต เนื่องจากเป็นอันดับเครดิตที่สูงสุดแล้วสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตของตราสารหนี้และตราสารประเภทอื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต อันดับเครดิตโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของ YSTH อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ที่ออกภายใต้โครงการดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
อันดับเครดิตของตราสารหนี้และตราสารประเภทอื่น: ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ YSTH
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น อันดับเครดิตของ YSTH มีความเชื่อมโยงกับอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ YFHC