บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ถัดไป (6-10 พ.ค.) มีแนวรับที่ 1,355 และ 1,345 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,375 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของบจ.ไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนเม.ย.ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน การประชุม BOE และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ของอังกฤษ ตลอดจนตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย.ของจีน
โดยในรอบสัปดาห์นี้ (29 เม.ย.-3 พ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยยังปิดบวก แม้ภาพรวมจะแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน แม้ในช่วงแรกกรอบการปรับขึ้นของ SET Index จะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค.ของไทยที่หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน กระทรวงการคลังปรับประมาณการจีดีพีไทยปีนี้ ลงมาที่ 2.4% และแรงขายหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง
แต่หุ้นไทยดีดตัวขึ้นชัดเจนในเวลาต่อมา ท่ามกลางแรงซื้อคืนหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจากการคาดการณ์เรื่องผลประกอบการ ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากทิศทางหุ้นภูมิภาคในช่วงปลายสัปดาห์ หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อเนื่อง จากช่วงหลังผลการประชุมเฟด
อนึ่ง หุ้นไทยย่อตัวลงสั้นๆ ช่วงกลางสัปดาห์ หลังวันหยุดแรงงาน ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง
โดยในวันศุกร์ที่ 3 พ.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,369.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.73% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,955.64 ล้านบาท ลดลง 0.11% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.45% มาปิดที่ระดับ 389.46 จุด