นายชัยรัตน์ สุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 สามารถบริหารจัดการธุรกิจให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 ที่เป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจตัวแทนระวางขายสินค้าสายการบินหรือ Cargo General Sales Agent (GSA) โดยมีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท
ปัจจัยหลักมาจากการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) และไม่มีค่าใช้จ่ายในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/66 ส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง ส่วนรายได้จากการให้บริการรวมทำได้ 1,527 ล้านบาท ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้จากการให้บริการ 1,888 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาลที่โดยปกติไตรมาส 4 ถือเป็นไฮซีซันของธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการให้บริการรวม 1,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้บริการรวม 1,363 ล้านบาท แม้ค่าระวางขนส่งทางอากาศลดลงเฉลี่ยกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากบริษัทฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสายบินที่บริษัทฯ เป็นตัวแทน GSA เพิ่มเที่ยวบินสู่ระดับใกล้เคียงช่วงก่อนเกิด COVID-19 เพื่อรองรับความต้องการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทำให้บริษัทฯ ได้รับสัญญา GSA ใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 163 ล้านบาท แม้ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 189 ล้านบาท แต่ลดลงในอัตราที่ต่ำกว่าค่าระวางขนส่งสินค้า สะท้อนถึงโมเดลธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งและศักยภาพการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากค่าระวางขนส่งทางอากาศที่ลดลง
นางสาว บี เล็ง โก๊ะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ANI กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางอากาศในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว ขณะที่ค่าระวางขนส่งทางอากาศคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ GSA ของบริษัทฯ
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/67 มีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากสัญญา GSA ใหม่ที่ได้รับในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา และคาดว่าทั้งปี 67 จะได้รับสัญญา GSA ใหม่ไม่น้อยกว่า 4 สัญญา ซึ่งจะมีทั้งสัญญา GSA จากสายการบินใหม่และสายการบินเดิมที่ขยายเส้นทางไปยังประเทอื่นๆ โดยบริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจ GSA ไปยังประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จากปัจจุบันที่ให้บริการใน 8 ประเทศและเขตบริหารพิเศษ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา และเขตบริหารเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง คาดว่าจากแผนงานขยายธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้จากการให้บริการในปีนี้เพิ่มขึ้น 10-20% จากปีที่ผ่านมา