นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งออกด้านข้างไร้ปัจจัยใหม่ขับเคลื่อน โดยติดตามความคืบหน้าปัจจัยในประเทศ ประกอบด้วย รายละเอียดโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหลังเมื่อวานนี้รมช.คลัง มีการเผยเกณฑ์ผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ขณะที่การใช้งานต้องติดตามต่อไป
และการเตรียมฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยมอบหมายให้กรมสรรพากรติดตามศึกษาพิจารณารายละเอียด ต่าง ๆ ขณะที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เตรียมที่จะเสนอทางเลือกกองทุนต่าง ๆ ซึ่งประเด็นดังกล่าวมองภาพเป็นบวก โดยเฉพาะ LTF ที่หากนำกลับมาจะเป็นเงินเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่จะประคองตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป ซึ่งจากข้อมูลในอดีตเม็ดเงินจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 หมื่นล้านต่อปี
นอกจากนี้ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งที่ผ่านมาโดยรวมงบฯออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด น่าจะทำให้กระแสเก็งกำไรงบฯยังมีอยู่ได้ ดังนั้นแม้ภาพรวมไม่มีปัจจัยใหม่ขับเคลื่อนดัชนีแต่ยังมีประเด็นการเก็งกำไรงบประคองตลาดอยู่ไม่ให้ดัชนีปรับตัวลงแรง
โดยให้กรอบแนวรับ 1,365 จุดและแนวต้าน 1,380 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,056.39 จุด เพิ่มขึ้น 172.13 จุด หรือ +0.44%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,187.67 จุด ลดลง 0.03 จุด หรือ -0.00% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,302.76 จุด ลดลง 29.80 จุด หรือ -0.18%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 18,306.25 จุด ลดลง 7.61 จุด หรือ -0.04% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,128.16 จุด ลดลง 0.32 จุด หรือ -0.01% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,242.92 จุด เพิ่มขึ้น 40.55 จุด หรือ +0.11%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 พ.ค.) 1,373.33 จุด ลดลง 3.04 จุด (-0.22%) มูลค่าซื้อขาย 42,288.84 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,517.51 ล้านบาท (8 พ.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 78.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 พ.ค.) อยู่ที่ 3.58 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.97 ทรงตัวจากวานนี้ เกาะติดผลประชุม BoE-ตัวเลขศก.สหรัฐ
- "เครดิตบูโร" เปิดพอร์ตสินเชื่อบัตรเครดิตไตรมาส 1 ปี 67 พบเป็น "หนี้เสีย" แล้ว 1 ล้านใบ และมีหนี้ค้างชำระ อีกเกือบ 2 แสนใบ เพิ่มขึ้น 32% หลังขยับขั้นต่ำ จ่ายบัตรเครดิตเป็น 8% ชี้ลูกหนี้ภาระดอกเบี้ยพุ่ง "วงใน" เผยข้อมูลจากลูกหนี้บัตร 23.8 ล้านบัญชี มีกว่า 10 ล้านบัตร มีความสามารถชำระหนี้ ได้แค่ขั้นต่ำ "คาร์ด เอกซ์" รับหนี้เสีย ยอดค้างชำระพุ่ง ลูกหนี้เปราะบางเพิ่ม มีหนี้หลายบัตรหมุนไม่ไหว "เคทีซี-อิออน" รับหนี้เสีย ขยับเล็กน้อย แต่ยันคุมเข้มบริหารจัดการหนี้บัตรฯ ได้ดี
- กกร.เตรียมส่งหนังสือถึงกระทรวงแรงงาน ค้านปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ-ทุกกิจการ หวั่นธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ แนะยึดไตรภาคีพิจารณาตามกลไกเดิม ย้ำปีนี้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำประจำปีไปแล้ว 2 ครั้ง ไม่ควรปรับเป็นครั้งที่ 3 ด้านปลัดแรงงานนัดประชุมบอร์ดค่าจ้างพิจารณาข้อเสนอเอกชน 13 พ.ค.นี้
- บอร์ดชุดเล็กดิจิทัลวอลเล็ตเคาะเกณฑ์รับสิทธิ์ ขีดเส้นเงินฝาก 5 แสนรวมทุกบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ สลากออมสิน ส่วนอายุเคาะ 16 ปีบริบูรณ์ภายใน 30 กันยายนนี้ จ่อลงทะเบียนภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ด้าน รมว.คลังใหม่ย้ำความปลอดภัยและป้องกันการทุจริตทุกประเภท
- "เฟทโก้" เตรียมเข้าหารือ "รมว.คลัง" เร็วสุด หวังเดินหน้าฟื้น "แอลทีเอฟ" เสนอเคาะเงื่อนไขกองทุนทั้งช่วงเวลาถือครอง-วงเงินเพิ่ม เล็งปรับกองทุน "SSF-TESG" พร้อมชู 3 ประเด็นท้าทาย กระตุ้นตลาดหุ้นไทยกลับมา "คึกคัก" หั่นเป้าดัชนีปีนี้ เหลือ 1,535 จุด หลังดอกเบี้ยลงช้ากว่าคาดล
- "จุลพันธ์" เตรียมมอบสรรพากรลุยศึกษาปัดฝุ่น LTF มั่นใจจัดเก็บรายได้ปีงบ 67 ฉลุย เล็งถก 3 กรมภาษี ฟุ้งตั้ง JV AMC คืบ คาดแถลงความชัดเจนปลายเดือนนี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- TU (กสิกรไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานที่ 15.9 บาท บริษัท รายงานยอดขายไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 3.32 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% YOY กำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% YOY พลิกจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1.72 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/2566 เราคาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป TU จะเริ่มได้รับประโยชน์จากราคาปลาทูน่าที่ลดลงและราคาขายปรับตัวขึ้นล่าสุด และการไม่มีส่วนแบ่งผลขาดทุนของ Red Lobster ขณะที่ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งน่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากการปรับฐานและความต้องการในสหรัฐฯ ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ไว้ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% YoY
- TTA (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.15 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 ของ TTA น่าจะดีขึ้นทั้ง Q0Q, YoY หนุนดัซนีเรือเทกองที่ปรับขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากเงินบาทที่ปิดสิ้นงวดอ่อนค่าทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แนวโน้มไตรมาส 2/67 ทิศทางยังเป็นบวกต่อตามแนวโน้มค่าระวางเรือในปัจจุบัน รวมถึงรับรู้รายได้จากงานของเมอร์เมดมากขึ้นทั้งนี้ consensus ตลาดคาดกำไรในปี 67 ที่ราว 2.1 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน +67%YoY
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 35 บาท เราคาดกำไร ไตรมาส 1/67 ที่ 4 พันล้านบาท +1% q-q , +16% y-y ทำ Record High หนุนจากรายที่เติบโตแกร่งทั้งจากผู้ป่วยไทยและต่างชาติในระดับ Double Digit ขณะที่ Margin คาดว่าจะขยับตัวขึ้นต่อจาก Operating Leverage โมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/67 คาดว่าจะชะลอ q-q ตามฤดูกาล แต่คาดว่ายังเติบโตแกร่ง y-y และได้อานิสงส์จากช่วงรอมฎอรที่คร่อมอยู่ในช่วงไตรมาส 2/67 น้อยกว่าปีก่อน เรายังคาดกำไรปกติปี 67 ที่ 1.64 หมื่นล้านบาท +14% y-y