นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 635.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351.97 ล้านบาท หรือ 124.04% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 66 ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 283.76 ล้านบาท
รายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ 23,260.69 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 66 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 24,657.67 ล้านบาท ลดลง 5.67% จากธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ สาเหตุจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) เฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน โดยราคาก๊าซ LPG เฉลี่ยไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 631.67 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ในงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาก๊าซเฉลี่ยเท่ากับ 705.83 เหรียญสหรัฐ/ตัน
"บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 จำนวน 1,235.61 ล้านบาท คิดเป็น 5.31% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 66 ที่มีกำไรขั้นต้น 805.36 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.27% โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 430.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.42% เป็นผลมาจากกำไรต่อหน่วยสินค้าเพิ่มขึ้น จากต้นทุนสินค้าเฉลี่ยต่อหน่วยสินค้าที่มีไว้เพื่อขายต่ำกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน" นางจินตณา กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของ SGP มาจากการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ 75% และ 25% เป็นจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนในการขยายตลาดก๊าซใหม่ๆ ในแถบเอเชียใต้เพิ่มเติม เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย
นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนราว 500 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานเพิ่มเติม แบ่งเป็นการลงทุนภายในประเทศในส่วนของคลังก๊าซและโรงอัดบรรจุก๊าซ LPG 170 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 330 ล้านบาทใช้ก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ที่ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย รองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ ที่เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในปี 67 ตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 12% โดยปริมาณขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือคาดอยู่ที่ราว 4 ล้านตัน จากปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณขายอยู่ที่ 3.61 ล้านตัน จากปริมาณการขาย LPG ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้พลังงานโดยรวมที่เพิ่มมากขึ้นจากการฟื้นตัวของการค้าโลกและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว