SPPT ได้งานสร้างอาคารโรงงานแปรรูปขยะที่หัวหิน วงเงิน 58.8 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday May 11, 2008 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท(ประเทศไทย) หรือ SPPT กล่าวว่า SPPTจะพยายามเน้นให้บริษัท ซิงเกิ้ลพอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (SPEE) ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัท 49.99% (ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยการจำหน่าย ประกอบ และติดตั้งเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ และจำหน่ายสารเร่งปฏิกริยาในการแปรรูปเศษพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ) ให้มีรายได้เข้ามาในปี 51
ล่าสุดบริษัทได้รับคัดเลือกจากเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงงานแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมติดตั้งเครื่องจักรในวงเงิน 58.8 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งได้ในไตรมาส 3
นอกจากนั้น ยังมีลูกค้าอีก 4-5 รายกำลังอยู่ระหว่างติดต่อเจรจากันอยู่ ซึ่งโดยภาพรวมทำให้มั่นใจว่ายอดขายและผลตอบแทนของ SPPT จะดีกว่าปีที่แล้ว และคาดว่าบริษัทจะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ SPPT มีเป้าหมายรายได้ปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นแตะ 17-18% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 14.4% ถึงแม้ SPPT จะต้องเผชิญกับปัญหาซับไพร์มและเงินบาทแข็งค่า ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจยลบกดดันการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งปีนี้
ที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน 1 เครื่องเป็นโครงการนำร่องพร้อมจัดสร้างอาคารสำหรับติดตั้งเครื่องจักร 1 หลังรวมมูลค่า 42.8 ล้านบาทกับเทศบาลเมืองระยอง และบริษัทได้รับเงินชำระค่ามัดจำเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว กำหนดการติดตั้งเครื่องจักรภายในเดือน พ.ค.นี้ และคาดว่าจะผลิตน้ำมันเพื่อจำหน่ายได้ประมาณเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าหลังจากที่นักลงทุนเห็นความชัดเจนและประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าวคือสามารถสร้างผลตอบแทนได้จริงและมีคุณภาพจริง จะทำให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น โดยปี 51 คาดว่าจะจำหน่ายได้ 3 เครื่องโดยเป็นภาครัฐ 2 เครื่องและภาคเอกชน 1 เครื่อง นอกจากนี้บริษัทยังจะมีรายได้อีกส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสารเร่งปฎิกิริยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดในสัญญาว่าลูกค้าจะต้องซื้อจากบริษัท
"เราลงทุนใน SPEE ปลายปี 49 และปี 50 ก็เป็นปีแห่งการลงทุนโดยการประชาสัมพันธ์และการร่วมมือกับภาครัฐ ให้เข้าใจและยอมรับในนวัตกรรมนี้ โดยช่วงที่เริ่มดำเนินการราคาน้ำมันดิบแค่ 55-60 เหรียญ(สหรัฐ)ต่อบาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันราคาขยับใกล้ 120 เหรียญ(สหรัฐ/บาร์เรล) ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจ และทางกระทรวงพลังงานได้ออกนโยบายสนับสนุนสำหรับพลังงานทางเลือกนี้" นายประพจน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ