นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) กล่าวว่า แผนธุรกิจของ TFM ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปี (ปี 67-69) ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ต่อปี หรือมีรายไดเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 7 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตจากธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายอาหารกุ้งและอาหารปลาทั้งในและต่างประเทศ
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมองหาโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้ามาช่วยในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารปลา ที่จะขยายไปสู่ปลาชนิดอื่นๆ นอกเหนือจากปลากระพง เช่น ปลาช่อน ปลานิล และปลาสวยงาม เป็นต้น ซึ่งยังมีโอกาสในการขยายตลาดอยู่อีกมากที่จะเข้ามาเสริมการขับเคลื่อนธุรกิจของ TFM และเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจให้มีสินค้าหลากหลาย สามารถรองรับกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับกลุ่มสัตว์น้ำบางกลุ่มที่มีเรื่องเกี่ยวกับโรคระบาดเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market share) ทั้งอาหารกุ้ง และอาหารปลา ซึ่งในส่วนของอาหารกุ้งตั้งเป้าเพิ่ม Market share ในสิ้นปีให้อยู่ที่ 25% จากปัจจุบัน 20% และอาหารปลาตั้งเป้าเพิ่ม Market share เป็น 15% จาก 10% เพื่อผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตมากขึ้น โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากยอดขายอาหารกุ้ง 56% และอาหารปลา 33% ส่วนอาหารสัตว์บก 7-8% และปัจจัยการผลิต 2-3%
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การแข่งขันในธุรกิจอาหารสัตว์น้ำบริษัทยังคงเน้นด้านการพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้มีคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานให้มีศักยภาพ.นการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนาสินค้าคุณภาพดี และช่วยเกษตรกรที่ใช้สินค้าของ TFM ให้มีผลผลิตที่ออกมามีคุณภาพ รวมถึงการมีงานบริการต่างๆที่เสริมเข้าไปในการช่วยดูแลและให้ความรู้กับลูกค้า เพื่อทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการใช้สินค้าของ TFM
"ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำสิ่งที่สำคัญ คือ คุณภาพของสินค้าที่มีความสำคัญ และทำให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าของเรา ทำให้เราต้องมีการการพัฒนาและปรับปรุงเครื่องจักรให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพส่งมอบให้กับลูกค้า รวมถึงการที่เรามีบริการต่างๆและช่วยเหลือลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการใช้สินค้าของเรา" นายพีระศักดิ์ กล่าว
ส่วนการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ หลังจากขยายตลาดไปในอินโดนีเซียและปากีสถาน ซึ่งได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาแล้วนั้น ยังคงมองหาโอกาสในประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 68 เชื่อว่าตลาดต่างประเทศจะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มให้กับบริษัทได้อย่างดี
นอกจากนี้บริษัทยังได้เดินหน้าในการลดต้นทุนลง โดยเฉพาะการควบคุมต้นทุนการผลิต การลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต การปปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักร รวมถึงบริหารจัดการด้านต้นทุนพลังงาน เพื่อเพิ่มใความสามารถในการทำกำไร ซึ่งเริ่มเห็นผลมาตั้งแต่ปลายปี 66 ที่ผ่านมา ทำให้ผลการดำเนินงานของ TFM ฟื้นตัวกลับมาอย่างต่อเนื่อง โดยอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/67 เพิ่มขึ้นมาสูงถึง 16% จากเป้าหมายทั้งปีที่ 12-14% และคาดว่าจะรักษาระดับดังกล่าวได้ในช่วง 3 ปีนี้
"คาดหวังว่าจากการที่เรามาลด Cost ต่างๆในโรงงานของเรา และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ผลการดำเนินงานกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากที่ไตรมาสแรกที่ผ่านมาผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ก็คาดหวังว่าผลการดำเนินงานทั้งปีนี้จะสามารถทำ All time high ได้" นายพีระศักดิ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/67 คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/67 ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่จะมีลูกค้าใช้สินค้าอาหารสัตว์น้ำเป็นจำนวนมากขึ้น และจะเติบโตขึ้นมากที่สุดในช่วงไตรมาส 3/67 ช่วงพีคซีซั่นของธุรกิจ จากนั้นอาจจะชะลอลงไปในไตรมาส 4/67