นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง (TVH) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/67 ว่า ภาพรวมยังคงแข็งแกร่งตามการเติบโตที่ดีของบริษัทลูกอย่าง "ประกันภัยไทยวิวัฒน์" โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 122 ล้านบาท มีรายได้จากธุรกิจประกันภัยเติบโตแตะ 1,714 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้กลุ่มประกันภัยรถยนต์ที่ทำได้ 1,506 ล้านบาท รายได้จากกลุ่มประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่เติบโตขึ้นกว่า 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 174 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเดินหน้าคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ โดยทำแคมเปญและนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความยืดหยุ่นและคุ้มค่าแก่ผู้บริโภคแบบรายบุคคล (Personalized) รองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว รวมถึงการเดินหน้าขยายฐานประกันภัยรถยนต์ EV อันเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Insurtech อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า อาทิ กลุ่มบางจาก ธนาคาร UOB, True Money เป็นต้น
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมจากการรับประกันภัย และการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 1,624 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายการรับประกันภัยราว 1,371 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 252 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีผลกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 82% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนแตะ 59 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวดีขึ้น หนุนราคาหลักทรัพย์โดยรวมให้ปรับตัวสูงขึ้น
นายจีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการเติบโตของไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง ช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องครึ่งหลังของปี 67 ยังมีสัญญาณที่ดีตามการเติบโตของธุรกิจหลักอย่างธุรกิจประกันภัย ภายใต้การขับเคลื่อนของบมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ซึ่งเป็นบริษัทลูก ด้วยการเดินหน้าคิดค้นพัฒนานวัตกรรม นำ AI มาพัฒนาต่อยอดตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อ, การใช้งาน รวมไปถึงการเคลม ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคโดยเฉพาะแบบรายบุคคล (Personalized) รองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว โดยมี "ประกันรถเปิดปิด" ผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งขับมาก ขับน้อย หรือไม่ค่อยได้ขับ ก็ช่วยประหยัดสูงสุด 80% "ประกันสุขภาพ Active Health" ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ส่งเสริมการออกกำลังกาย ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยยิ่งลด สูงสุด 40% และประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ เป็นตัวชูโรง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ผลักดันเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 67 เติบโตทะลุ 8,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันคนไทยเข้าถึงประกันภัยต่ำมากเพียง 1-2% ของจีดีพี เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วสูงถึง 10-20% ดังนั้นภาพรวมตลาดประกันภัยของไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะหากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโปรดักส์และบริการอย่างแพร่หลาย จะช่วยกระตุ้นและยกระดับตลาดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อีกขั้น ซึ่งที่ผ่านมาไทยวิวัฒน์ฯได้นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยมีประกันรถเปิดปิดเป็นตัวชูโรงของผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งช่วยแก้ Pain Point ให้กับผู้ซื้อประกันภัยได้อย่างตรงจุด คุ้มค่าเงินที่จ่าย
รวมถึงได้นำ AI มาใช้ เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า เพื่อให้การทำประกันรถยนต์นั้นง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อาทิ "MARS Inspect" AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ ที่มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ชิ้นส่วนความเสียหายของรถยนต์ ช่วยลดระยะเวลาการซื้อประกันและตรวจสภาพรถยนต์ให้เร็วขึ้นถึง 10 เท่า รวมถึง "MARS Garage" AI ประเมินการซ่อมรถ อย่างแม่นยำ และเรียลไทม์ที่เพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนระหว่างอู่และบริษัทประกัน เพื่อให้รถของลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็ว ส่วนผลิตภัณฑ์ชูโรงอีกตัว คือ ประกันสุขภาพ Active Health ที่ส่งเสริมให้ผู้ถือกรมธรรม์ออกกำลังกาย ด้วยการนำเทคโนโลยี Wearable เข้ามาช่วยในการ Track นาทีการออกกำลังกาย เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกัน ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยจะยิ่งลดสูงสุดถึง 40%