บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 51 มีรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 300 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 33% เตรียมผุดโครงการใหม่อีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิบจากปีก่อน 20%
"บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 2,449 ล้านบาท จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,044 ล้านบาท จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัยและค่าบริการ 311 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆอีก 94 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท" นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ QH กล่าว
สำหรับกำไรที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 50 ประมาณ 20% แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 10,500 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อีก 1,500 ล้านบาท
ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ลัดดารมย์ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ ลัดดารมย์ Elegance เกษตร-นวมินทร์, ลัดดารมย์ Elegance พระราม 5-2, ลัดดารมย์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2 และลัดดารมย์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ
โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์คาซ่าวิลล์ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2, คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ, คาซ่าวิลล์ วัชรพล 3, คาซ่าวิลล์ บางนา-สุวรรณภูมิ และคาซ่าวิลล์ พระราม 2 -2 และโครงการทาวน์โฮมหรู ภายใต้แบรนด์คาซ่า ซิตี้ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา สุคนธสวัสดิ์ 2 และคาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา นวลจันทร์ 2
โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าขายโครงการรวมประมาณ 5,550 ล้านบาท ได้แก่ ลัดดารมย์ Elegance เกษตร-นวมินทร์, ลัดดารมย์ Elegance พระราม 5-2 และคาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2
บริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลกลางใจเมืองใกล้รถไฟฟ้า BTS อีก 2 โครงการ ได้แก่ Q. House Condo Sathorn มูลค่าประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มีระดับราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างไปแล้ว และคาดว่าจะสร้างเสร็จต้นปี 52 และ Casa Condo Ratchada-Thapra มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีระดับราคาขายประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุมัติการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จต้นปี 52
นางสุวรรณา กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีแผนจะเปลี่ยนโครงการ Centre Point Langsuan จากโครงการรูปแบบ Serviced Apartment ให้เป็นคอนโดมิเนียมขนาด 38 ชั้น จำนวน 209 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ขาย 17,000 ตารางเมตร มีระดับราคาขาย 180,000 บาทต่อตารางเมตรโดยขณะนี้ตึกดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในกลางปี 52 และจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 52 ทั้งนี้บริษัทฯ เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท
โดยในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน ครั้งที่ 1/2551 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2554 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี จำนวน 1,400 ล้านบาท และชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2555 อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 คงที่ร้อยละ 4.7 ต่อปี จำนวน 600 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นหุ้นกู้ที่ออกจำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้เป็น BBB+ โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้มาชำระคืนหุ้นกู้เก่าที่ครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 51
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจะออกหุ้นกู้จำนวน 5,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งจะเสนอให้กับผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--