เอสอีไอ เมดิคัล จ่อขาย IPO 50 ล้านหุ้นเข้า mai กลางปีนี้หลัง ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 13, 2024 12:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เอสอีไอ เมดิคัล จ่อขาย IPO 50 ล้านหุ้นเข้า mai กลางปีนี้หลัง ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง

นายวรวัสส์ วัสสานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.เอสอีไอ เมดิคัล (SEI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่ง SEI แล้ว พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 29.41% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจอุปโภคบริโภค กลางปี 67 นี้

โดยศักยภาพจุดเด่นความเชี่ยวชาญการเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงการให้บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุง ตลอดจนการให้บริการหลังการขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ทำให้ SEI มีฐานลูกค้าทั่วประเทศ ส่งผลให้ SEI ได้รับความไว้วางใจในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต และได้รับการต่ออายุสัญญาแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor Agreement) จากผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี ดังนั้นด้วยความสามารถและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของบริษัทฯ ประกอบกับความเชื่อมั่นจากผู้ผลิต และลูกค้า จึงตอกย้ำถึงศักยภาพการแข่งขันที่จะก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย

SEI มีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 60 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 120 ล้านหุ้น มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่าง ๆ

นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SEI เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการสร้างศักยภาพทางการเงิน สู่การสร้างโอกาสการขับเคลื่อนทางธุรกิจสู่การยกระดับการให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ให้ครบวงจรในทุกมิติ ซึ่งสอดรับกับวัตถุประสงค์การระดมทุนของบริษัทฯ ที่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ สั่งซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้จะนำเงินระดมทุน เพื่อใช้ในโครงการร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ หรือลงทุนด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ส่งเสริมธุรกิจของบริษัทฯ

"บริษัทฯ ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อความเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านการจัดจำหน่ายและให้บริการทางด้านเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ประกอบกับการเติบโตของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จากแรงขับเคลื่อนอัตราการเจ็บป่วยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย และการเกิดโรคอุบัติใหม่ เป็นต้น"

ปัจจุบัน SEI ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ภายใต้ตราสินค้าของผู้ผลิตทั้งหมด 18 ราย จาก 11 ประเทศ โดยได้จดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ในประเทศไทยกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สังกัดกระทรวงสาธารณะสุข ซึ่งสามารถแบ่งเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยา ศาสตร์ ที่บริษัทฯจำหน่ายออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ (Endoscope) 2. กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วย ทารกแรกเกิด (Neonatal Care) 3. กลุ่มสินค้าด้านความงาม (Aesthetic) 4.กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด (Surgery) 5. กลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ (Laboratory)

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการต่างๆ แบบครบวงจร อาทิ บริการซ่อมบำรุงเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ (Maintenance Service) เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดสอนวิธีการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ให้แก่ลูกค้า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งานสินค้า และสามารถใช้ประโยชน์จากสินค้าได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งมีให้บริการให้เช่า ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการดำเนินการไปแล้วบางส่วนในช่วงไตรมาส 3/66 ที่ผ่านนมา เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าที่มีงบประมาณในการซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเครื่องมือทางการแพทย์ส่วนใหญ่มีมูลค่าสูง จึงมีโอกาสที่จะใช้บริการให้เช่า เพื่อกระจายการชำระเงินเป็นเงินงวดสำหรับการซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ โดยการให้บริการให้เช่าของ SEI จึงเป็นการเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และการดำเนินธุรกิจดังกล่าวของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคต จากการเปลี่ยนแปลงไปของพฤติกรรมของลูกค้าและมีข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงปี 63-66 บริษัทมีรายได้รวม เท่ากับ 376.76 ล้านบาท 374.00 ล้านบาท 320.55 ล้านบาท และ 393.57 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4.67 ล้านบาท 16.21 ล้านบาท 17.86 ล้านบาท และ 21.87 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.24% 4.33%, 5.57% และ 5.56% ของรายได้รวม ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ