CONSENSUS: SNNP อ่อนตัวเป็นจังหวะเก็บ เก็ง Q2/67 กำไรโตทั้ง YoY, QoQ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 13, 2024 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เล็งกำไรสุทธิในไตรมาส 2/67 เติบโตทั้ง QoQ และYoY หลังไตรมาส 1/67 โตช้ารับผลกระทบกำลังซื้อในประเทศอ่อนตัว แต่ไตรมาส 2/67 ได้รับผลดีจากฤดูกาลช่วงอากาศร้อนจัด ทำให้สินค้าเครื่องดื่มเติบโตพุ่ง โรงเรียนกลับมาเปิดเทอมหนุนยอดขายขนมขบเคี้ยว รวมถึงการทยอยออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี กำลังซื้อในประเทศแทบไม่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่เวียดนามก็ยังไม่เห็นการเติบโต 2 digit เหมือนแต่ก่อน ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกยังไม่น่าตื่นเต้น แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังยอดขายและกำไรจะดีกว่าครึ่งปีแรกจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาด Gross Margin ยังอยู่ในระดับสูง และยังเดินหน้าขยายตลาดส่งออก อย่างฟิลิปปินส์ที่ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้ว รวมถึงเกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน จะเป็นแรงหนุนผลประกอบการในระยะต่อไป

ราคาหุ้น SNNP ปรับตัวตอบรับผลประกอบการอ่อนตัวมาแล้ว ทำให้ Downside ลดลง ขณะนี้ราคาหุ้น P/E ไม่สูง โดยราคาหุ้นวันนี้ปิดที่ 15.80 บาท ลดลง 0.30 บาท (-1.86%) เป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          ทิสโก้                         ซื้อ                24.00
          บัวหลวง                       ซื้อ                23.50
          อินโนเวสท์เอกซ์                 ซื้อ                23.40
          เอเซียพลัส                  Overweight           22.70
          ฟินันเซีย ไซรัส                  ซื้อ                22.00
          เคจีไอ                    Outperform            21.00
          ดาโอ                         ซื้อ                21.00
          กรุงศรี                    Tradingt Buy          18.20

นายภูวดล ภูสอดเงิน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า SNNP แจ้งงบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 158 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 2% YoY และลดลง 4.5% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด จุดสำคัญคือ ตัวรายได้ในประเทศไม่ค่อยโต ถือว่ากำลังซื้อยังไม่ค่อยฟื้น ส่วนต่างประเทศที่เคยเติบโตดี ก็เติบโตเพียง 7% YoY โดยเฉพาะเวียดนาม ยอดขายโตเพียง 8% เท่านั้นจากเดิมที่เติบโต 2 digit

แต่สิ่งที่ยังช่วยและยังดีอยู่คือ Gross Margin ที่ยังสูงถึง 29.5% เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ที่มาจาก Product Mix และการบริหารต้นทุน รวมถึงมาร์จิ้นในเวียดนามก็ขึ้นมาสูง

จากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยรวมผู้บริหารพูดในโทนลดความคาดหวังในระยะสั้นของตลาดลง (Lower Expectation) เพราะยังมองว่ากำลังซื้อตามสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังอ่อนแอ และไปคาดหวังการกลับมาเติบโตตื่นเต้นในช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากกว่า

ทั้งนี้ มองว่าช่วงครึ่งปีแรกไม่ค่อยตื่นเต้นนัก น่าจะเห็นการปรับลดประมาณการของตลาดลงราว 5-10% แต่แนวโน้มไตรมาส 2/67 มีโอกาสกำไรจะเติบโตทั้ง YoY, QoQ เหมือนเดิม แต่อาจจะยังไม่ใช่ Momentum แรงๆ เพราะแม้รายได้มีโอกาสจะเติบโตได้ Double Digit แต่ Gross Margin จะอ่อนตัวลง QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น YoY ตามสัดส่วนของการขายสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มสูงขึ้น (GM น้อยกว่า Snack)

ผู้บริหารยังคงเป้าหมายการเติบโตรายได้ภาพรวมทั้งปี 67 ที่ 15-20% (เฉพาะในประเทศ 10-15%) เท่ากับว่าช่วงครึ่งปีหลัง ต้องเติบโตระดับ 20%+ (ครึ่งปีแรกน่าจะโต 10%) โดยเฉลี่ย มองว่าท้าทาย และ Gross Margin คาดว่าจะดีขึ้น หวังระดับเกิน 29-32% (ประมาณการของเราคาดรายได้เติบโต 13%YoY และ GM 29.2%)

สำหรับตลาดเวียดนาม ตัวเลขไตรมาส 1/67 เติบโตช้าลง (+8%YoY) อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ปัญหา อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/67 ที่พ้นช่วงหยุดยาวเวียดนามไป น่าจะกลับมาเติบโต Double Digit ได้ (เป้าปี 67 ที่ 15-20%)

ขณะที่การขยายตลาดยังเป็นเป้าหมายการเติบโตระยะถัดไป เพราะในประเทศโตยาก จึงไปมุ่งเน้นต่างประเทศ โดยเฉพาะ ฟิลิปปินส์ รวมถึงเกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน

สินค้าใหม่ อาทิ เจเล่ฟิตต์ (เปิดตัว ก.พ.) กระแสตอบรับดี แม้สัดส่วนยังน้อย แต่หาก Keep Momentum ดีต่อ ในช่วง 2 ปีนี้ จะเป็นตัวผลักดันทั้งรายได้ และ Gross Margin

ส่วนการใช้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ตั้งงบฯ 15-16% ของยอดขาย ซึ่งไตรมาส 1/67 อยู่ในกรอบบน ทำให้ประเด็นนี้ตลาดกลับมาจับตามองอีกครั้ง (เราให้สมมติฐาน 15.7% อยู่แล้ว จากปีที่แล้ว 15.4%)

ในเชิงพื้นฐานยังคงแนะนำ "ซื้อ" เพราะราคาหุ้นอยู่ข้างล่างแล้ว จาก PER ราว 21 เท่าต่ากว่าเฉลี่ยอดีต 27 เท่า และค่าปกติของกลุ่ม Consumer ที่ปัจจุบันอยู่ช่วง 20-25เท่า อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นเราคาดว่าราคาหุ้นยังถูกกดดัน (ยังไม่น่าเด้งแรงๆ) จากการทยอยปรับลดประมาณการกำไรของตลาด อีกทั้งเกณฑ์คำนวณหุ้นเข้า-ออก SET100 รอบใหม่ อาจทำให้ SNNP หลุด SET100

ด้วยเหตุเหล่านี้ จึงมองว่านักลงทุนอาจจะค่อยๆ ทยอยสะสมถัวเฉลี่ยช่วงราคาหุ้นอ่อนตัวได้ เพื่อรอ Catalyst บวกจะกลับมาใหม่ช่วง Earnings preview งบไตรมาส 2/67 ที่จะมาพร้อมกับภาพเศรษฐกิจมหภาคที่ดูดีขึ้น เรามองว่า SNNP จะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้

บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SNNP ชี้แจงกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/67 ที่ 156 ล้านบาท(-6%QoQ, +1%YoY)โดยกำไรที่ลดลง QoQ เพราะยอดขายลดลงจากผลของฤดูกาล ส่วนกำไรที่เติบโต YoY เป็นผลจากยอดขายต่างประเทศสูงขึ้นทั้งจากประเทศเวียดนามที่เป็นตลาดเดิมและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพใหม่

เรายังคงประมาณการกำไรปี 67 ไว้ที่ 760 ล้านบาท(+20% YoY)และคงราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 22.70 บาท (อิงPERที่ 28.7เท่า) คงคำแนะนำ "Outperform" เพราะ 1)คาดกำไรที่กลับมาเติบโตได้ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/67 จากผลของฤดูร้อนหนุนยอดขายสินค้าเครื่องดื่มส่วนช่วงไตรมาส 3/67-4/67 คาดหวังการฟื้นตัวของสินค้าขนมขบเคี้ยวและ 2)ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 5% YTD ขณะที่หุ้น ICHI ราคาปรับขึ้นมาแล้วกว่า 12% YTD แต่คาดมีกำไรเติบโตที่ 10% น้อยกว่า SNNP

มองว่ากำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2/67 จะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และYoY จากผลของฤดูกาล โดยผลกระทบเชิงบวก ได้แก่ 1) ได้รับผลบวกจากฤดูร้อนร้อนรุนแรงกว่าปกติ ทำให้สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็น เจเล่ หรือเมจิกฟาร์ม ขายดี อีกทั้งบริษัทได้เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของสินค้า กลุ่มเครื่องดื่มตั้งแต่เดือนมีนาคมเพื่อรองรับกับยอดขายที่คาดจะมีมากในไตรมาสนี้

2) หลังจากกลางเดือนพฤษภาคม โรงเรียนกลับมาเปิดเทอม คาดช่วยกระตุ้นยอดขายของสินค้ากลุ่มขนมคบเคี้ยวราคา 5-10 บาทได้ 3) บริษัทได้ผู้จัดจำหน่ายสินค้าเจเล่อย่างเป็นทางการในฟิลิปปินส์แล้ว คาดหวังยอดขายในไตรมาสนี้เติบโตหนุนยอดขายต่างประเทศ 4) อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) คาดทรงตัวเพราะเข้าสู่ Low season ของสินค้ากลุ่มขนมขบเคี้ยวอย่างที่สร้างมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้ากลุ่มประเภทเครื่องดื่ม แต่คาดชดเชยได้จากการขายต่างประเทศที่สร้างมาร์จิ้นดีกว่าการขายในประเทศจะยังมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังอัตราการใช้กำลังการผลิตเวียดนามสูงขึ้น

ส่วนปัจจัยลบ 1) ยอดสินค้ากลุ่มขนมขบเคี้ยวอย่าง เบนโตะ รสชาติเผ็ดร้อน คาดจะมียอดขายลดลงต่อเนื่องจากอากาศร้อนจัดคนไม่นิยมบริโภคอาหารเผ็ด 2) คลังสินค้าที่จำกัดไม่เพียงพอต่อการสต็อกสินค้าที่มีการเพิ่มกำลังการผลิต อาจะทำให้ยอดขายโตได้ไม่เต็มที่จากความต้องการที่มากแต่สินค้าขาดแคลน

จากกำไรช่วงไตรมาส 1/67 ที่ออกมาใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรสำหรับปี 67-68 ตามเดิมที่ 760 ล้านบาท(+20% YoY) และ 913 ล้านบาท(+20% YoY)

บล.กรุงศรี มีมุมมอง Slightly negative จากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยผู้บริหาร SNNP ตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต15-20% แต่แนวโน้มมี Downside โดยในไตรมาส 1/67 รายได้ +1% y-y (Key highlight ไทย flat, เวียดนาม +8%,กลุ่มขนม -6%, เครื่องดื่ม +12%) โดยบริษัทเริ่มมีมุมมองระมัดระวังจากด้านกำลังซื้อ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มขนม (53% ของรายได้) และบริษัทประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังจะเด่นกว่าครึ่งปีแรก จากการทำการตลาดเพิ่มทั้งออกสินค้าใหม่และตลาดใหม่ และอีกส่วนเรามองฐานรายได้ครึ่งแรกปี 66 ยังเป็นฐานสูง และต้องรอรายได้ปรับฐานครบ 4 งวดในไตรมาส 2/67 ก่อน

สินค้าใหม่ เปิดตัวเยอะในไตรมาส 1/67 มีถึง 18SKUs (ขนม 7SKUs: เบนโต๊ะ 3+ โลตัส 4 และเครื่องดื่ม 11SKUs คือ เจเล่ 6 (รวมสินค้า Highlight คือ เจเล่ฟิตต์ แบบอาหารเสริม) และเมจิก ฟาร์ม 5) เทียบช่วงปกติเพียง 3-6SKUs ต่อไตรมาส

โดยจุดสังเกตของเรา ยังมอง Neutral ในด้านนี้ คือ 1) เพื่อมุ่งหวังการเติบโตในภาวะที่กำลังซื้อกดดัน ซึ่งปกติ สินค้าใหม่จะช่วยรายได้ราว 5-10% 2) เจเล่ฟิตต์ (เปิดตัวมี.ค. 67) บริษัทเผยผลตอบรับดีและมากกว่าเป้า 3) กลุ่มเครื่องดื่มเปิดตัวหลาย SKUs และหลายสินค้าออกมาจับกลุ่มที่กำลังได้รับความนิยม (น้ำมะพร้าว, น้ำองุ่นใส่วุ้นมะพร้าว, ชาเขียวน้ำผึ้งผสมมะนาว, คอมบูฉะ ฯลฯ) แต่ขณะเดียวกัน แนวโน้มอากาศจะเริ่มเข้าสู่ลานีญ่าในเดือน มิ.ย.ทำให้ผลตอบรับยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามดู

ส่วนการเปิดตลาดประเทศ Potential market ได้แก่ ฟิลิปปินส์, เกาหลี,มาเลเซีย,จีน โดยในไตรมาส 1/67 รายได้จากกลุ่มนี้ +27% y-y แต่สัดส่วนยังเพียง 6% ของรายได้ จากที่ผ่านมาเปิดตลาดในเวียดนามได้แล้ว มองเป็นปัจจัยต้องติดตามระยะกลางยาว โดยระยะสั้นบริษัทให้น้ำหนักกับฟิลลิปปินส์มีความคืบหน้ามากสุด และจะหา Distributor เพิ่มอีก 2 ราย เพื่อกระจายสินค้าในกลุ่มขนมและเครื่องดื่ม จากปัจจุบันมี Distributor หลักเฉพาะกลุ่มเจเล่ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ฟิลิปปินส์ราว 150 ล้านบาท (2% ของรายได้)

Gross margin ยังมองเป้าระดับ 30% เทียบกับปี 66 ที่ 28.6% เป็นจุดที่บริษัทยังทำได้ดีและเป็น New high จากการควบคุมต้นทุน และจากการเปิดโรงงานผลิตในเวียดนามครบทั้งเบนโตะ,เจเล่,โลตัส ซึ่งเวียดนามมี Margin สูงกว่า (ค่าแรง,วัตถุดิบและค่าขนส่ง) แม้ปัจจุบัน U Rate เวียดนามยังต่ำเพียง 30-40% อย่างไรก็ตาม บริษัทมอง Gross ไตรมาส /67 margin อาจจะลดลงจากไตรมาส 1/67 ซึ่งอยู่ที่ 29.5% เนื่องจาก Product mix กลุ่มเครื่องดื่ม (low margin) ขายดีกว่ากลุ่มขนม 

ลูกหนี้การค้าที่หนี้อายุยาวขึ้น ในกลุ่มอายุ 3-6/6-12/มากกว่า 12เดือน ที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 3/66 และเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/67 บริษัทมองยังไม่น่ากังวลและไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มทุกดีลมี Bank guarantee และจะเริ่มชำระคืนในไตรมาส 2/67 -ไตรมาส 3/67 แล้ว (ส่วนใหญ่คือลูกหนี้ต่างประเทศ)

บล.กรุงศรี ปรับลดกำไรปี 67-69 ลงเฉลี่ย 6% จากปรับลดรายได้ลง โดยกำหนดปี 67 รายได้ +7% (ไทย +3%, ต่างประเทศ +14%) และคาดกำไร 700 ล้านบาท (+10% y-y) โดยระยะสั้น มองกำไรไตรมาส 2/67 ราว 160-165 ล้านบาท เพิ่มราว 5% y-y

คงคำแนะนำ Trading buy จาก TP24F ใหม่ 18.2 บาท (เดิม 21.3 บาท) อิง DCF (WACC 10.8%, Terminal Growth 4.0%) หรือเทียบเท่า PER 25x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 27x จากแนวโน้มการเติบโตลดลง ทั้งนี้ หุ้นมีโอกาสเห็นรอบ Earning cut ช่วงนี้ และซื้อขายระดับ Valuation PER24F 23x ที่ใกล้เคียงกลุ่มอิงบริโภคมองรอบนี้เป็นจังหวะ "ทยอยสะสม"

https://youtu.be/Py57c3x-eEY


แท็ก เปิดเทอม   ขนม  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ