บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 พลิกเป็นกำไรสุทธิถึง 1,152 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนกว่า 2.72 พันล้านบาท ปัจจัยหนุนหลักมาจากราคาเนื้อสัตว์ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวดีขึ้นจากระดับในปีที่ผ่านมา ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัทชี้แจงว่า ไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้จากการขาย 140,037 ล้านบาท (เป็นส่วนของกิจการต่างประเทศ 62% และ กิจการประเทศไทย 32% และกิจการส่งออกจากประเทศไทย 6%) ลดลง 3,744 ล้านบาท หรือลดลง 2.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากราคาเฉลี่ยสุกรในประเทศไทยที่อยู่ในระดัยต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรขันต้นอยู่ที่ 16,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 12% เพิ่มขึ้นจาก 10.2% ในไตรมาส 1/66) ปัจจัยหลักมาจากราคาเนื้อสัตว์ในภูมิภาคส่วนใหญ่ยกเว้นในประเทศไทยปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงสตัว์ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้า 1,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265% จากการบันทึกผลขาดทุนในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักเป็นผลจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) และธุรกิจสุกรในประเทศจีน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่บริษัทผ่านความท้าทายมากมายไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และภาวะสินค้าล้นตลาดของปริมาณเนื้อสัตว์ในหลายประเทศจากกำลังซื้อที่ไม่ดีขึ้นตามคาด ทำให้บริษัทให้ความสำคัญเรื่องประสิทธิภาพและระมัดระวังในการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง มีการตัดจำหน่ายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดีขึ้น รวมถึงการวิจัย พัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงประเภทสินค้าอาหารสุขภาพที่เน้นด้านโภชนาการที่ดี พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางด้านการตลาด การขาย และช่องทางจัดจำหน่ายให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีขึ้นถึง 142% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในประเทศเวียดนามและกัมพูชา จากการขยายช่องทางในการขาย และระดับราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น บริษัทยังมีส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้นจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ CPALL และธุรกิจสุกรในประเทศจีน และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 67 ผลการดำเนินงานของ CPF จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง