ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 365.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% และมีกำไรสุทธิ 41.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยความสำเร็จมาจากการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ การเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสู่โมเดิร์นเทรด อีคอมเมิร์ซและออนไลน์ การสื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า สร้าง Brand Awareness เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ รวมทั้งทำการตลาดเชิงรุก ผ่านการจัดโปรโมชันและการออกบูธสินค้า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีอย่างหลากหลาย โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1. กลุ่มยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ (Generic Drugs and New Generic Drugs) มีรายได้ 274.7 ล้านบาท คิดเป็น 75.2% จากรายได้รวม 2. กลุ่มเครื่องสำอาง (Cosmeceutical) มีรายได้ 42.4 ล้านบาท คิดเป็น 11.6% จากรายได้รวม 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร(Herbal Medicines) มีรายได้ 28.4 ล้านบาท คิดเป็น 7.8% จากรายได้รวม 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplements) มีรายได้ 11.2 ล้านบาท คิดเป็น 3.1% จากรายได้รวม 5. ผลิตภัณฑ์ยาสัตว์และอาหารเสริมสำหรับสัตว์ (Animal Medicines and Supplements) มีรายได้ 3.5 ล้านบาท คิดเป็น 1% จากรายได้รวม และรายได้อื่นๆ (Others) 4.9 ล้านบาท คิดเป็น 1.3% จากรายได้รวม
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท เพื่อจะมีรายได้เติบโตสู่ 2,000 ล้านบาทภายในปี 69 ผ่าน 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) การสร้าง Brand Awareness เพื่อสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุม
2) ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ Clenascar สู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด และขยายจุดวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรนวัตกรรมแบรนด์ Plaivana ในร้านสะดวกซื้อ รองรับดีมานด์ที่กำลังขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ Kachalis เริ่มจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยาเป็นหลักในไตรมาส 2 ปีนี้ที่ได้รับผลตอบรับดีมาก จึงขยายสู่ช่องทางออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
3) ผลักดันยาสามัญใหม่ดูแลเส้นผมเข้าสู่ระบบโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
4) วางจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญใหม่เกี่ยวกับยาต้านไวรัส ในช่วงไตรมาส 2/67 โดยเน้นการจัดจำหน่ายผ่านกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลเป็นหลัก รวมทั้ง เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่ม KACHAA ผลิตจากสมุนไพรนวัตกรรมกระชายดำ
5) ความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ เตรียมลงนามความร่วมมือเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรม อาทิ โพรไบโอทิกส์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาทิ พริก และกระชายดำ เป็นต้น เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายต่างประเทศ รวมทั้งร่วมมือด้านวิชาการกับมหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่อุตสาหกรรมยาในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน