นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มีรายได้รวม 2,131.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาส 4/66 ที่มีรายได้ 2,053.8 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากสัญญาให้บริการระยะยาว และเรือที่ให้บริการทุกลำสามารถปฏิบัติงานได้เต็มประสิทธิภาพ
และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 588.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (ไม่รวมกำไรสุทธิจากการขายเรือ) อยู่ที่ 457.6 ล้านบาท เป็นผลมาจากการลงทุนขยายธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลในช่วงสิ้นปี 66 และเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ภายใต้สัญญาให้บริการระยะยาวตั้งแต่ไตรมาส 1/67
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล จะชะลอตัวลงในไตรมาส 1/67 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/66 แต่ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและปิโตรเคมี และธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ ยังสามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานของไตรมาส 1/67 ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปี 66
สำหรับธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมี (Petroleum and Chemical Tankers :PCT) ไตรมาส 1/67 มีรายได้ 896.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มเรือให้บริการขนส่งปิโตรเคมีเหลว 1 ลำตั้งแต่ไตรมาส 4/66 และปริมาณการขนส่งน้ำมันอากาศยาน Jet A-1 เพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ขณะที่ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) มีรายได้ 569.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% และมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น 27.3% จากไตรมาส 4/66 ปัจจัยหลักมาจากความต้องการกักเก็บน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้ค้าน้ำมันกังวลว่าสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งน้ำมันดิบ อีกทั้งเรือ Harmony Star ที่ได้หยุดให้บริการเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ในไตรมาส 4/66 ได้กลับเข้ามาให้บริการตามปกติแล้ว
ขณะเดียวกันธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel "OSV") มีรายได้สูงกว่าไตรมาส 1/66 ถึง 91.3% และมีกำไรขั้นต้นสูงกว่าไตรมาส 4/66 ถึง 163.6% เนื่องจากบริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการเรือ AWB และเรือ Hybrid Crew boat เพิ่มเติมอย่างละ 1 ลำ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม และต้นเดือนมีนาคม 67 ตามลำดับ โดยการเพิ่มเรือ AWB และเรือ Hybrid Crew Boat ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รายได้และกำไรขั้นต้นของธุรกิจเรือ OSV สูงกว่าไตรมาส 4/66 ถึง 34.3% และ 33.1% ตามลำดับ
ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (Crude Oil Carrier:COC) ในไตรมาส 1/67 มีรายได้จำนวน 439.6 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2566 มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากอัตราการใช้เรือ Aframax ที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 100% จากเดิม 72% ขณะที่ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (Ship Agent and Shipping:SAS) บริษัทฯ แย้มมี Project ใหม่ โดยอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขยายธุรกิจ SAS ต่อไป
สำหรับการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2-4 ปี 67 ยังคงมุ่งขยายกองเรือกลุ่มเรือขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเรือให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้บริการของลูกค้า และทดแทนเรือเดิมที่มีอายุใกล้ปลดระวาง และมองหาโอกาสในธุรกิจต่างๆเพิ่ม หนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญโดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2567 เติบโต 10% เทียบปีที่ผ่านมา
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ที่สามารถสร้างผลงานได้ตามกลยุทธ์ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ส่วนแนวโน้มธุรกิจและผลประกอบการไตรมาส 2/67 ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หนุนรายได้ปี 67 โตตามเป้า" นายวิริทธิ์พล กล่าว