บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) รายงานผลประกอบการงวด 6 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.66- มี.ค.67) มีกำไรสุทธิจำนวน 10,347.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,144.32 ล้านบาทหรือ 369.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,203.30 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 34,191.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนรายได้รวม 19,959.47 ล้านบาท
ในส่วนผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.67) AOT มีกำไรสุทธิจำนวน 5,784.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 1,860.53 ล้านบาท และเมื่อเทียบจากไตรมาส 1 ของปี 2567 เพิ่มขึ้น 1,221.56 ล้านบาท หรือ 26.77%
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า ภาพรวมปริมาณการจราจรทางอากาศของ AOT ระหว่างเดือนต.ค.66 - มี.ค.67
- จำนวนเที่ยวบินรวม 367,032 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.86% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 203,731 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 163,301 เที่ยวบิน
- จำนวนผู้โดยสารรวม 61.22 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23.78% แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 36.82 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 24.40 ล้านคน
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 จำนวนเที่ยวบินจะมีการเติบโตจาก 178,214 เที่ยวบิน เป็น 188,818 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 5.95% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 10,949 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศลดลง 345 เที่ยวบิน ส่วนจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 2.88 ล้านคน เป็น 3.23 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.96% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 3.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.86% และผู้โดยสารภายในประเทศ 0.43 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.65%
นอกจากนี้ ตามนโยบาย Free Visa ของรัฐบาลส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารสัญชาติจีนมีการเติบโตเฉลี่ยจาก 13,200 คนต่อวัน ไปเป็น 28,100 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 113% และจำนวนผู้โดยสารสัญชาติอินเดียมีการเติบโตเฉลี่ยจาก 5,100 คนต่อวัน ไปเป็น 6,200 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 22%
สำหรับผลประกอบการงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 AOT มีกำไรสุทธิจำนวน 10,347.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 369.64% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 34,191.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.31% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้จากการขายหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น 14,116.99 ล้านบาท หรือ 71.21% จากการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 5,533.66 ล้านบาท หรือ 55.88% และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 8,583.33 ล้านบาท หรือ 86.51% เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารโดยรวมเพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 19,482.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,856.08 ล้านบาท หรือ 24.68% การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
นายกีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT พร้อมส่งเสริมนโยบายผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของโลก เชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ และเชื่อมต่อการเดินทางแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายผลักดันท่าอากาศยานของไทยให้ติดอันดับ 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสาร
โดยในปี 2567 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เตรียมเปิดใช้ทางวิ่งเส้นที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนี้ AOT ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบบริการผู้โดยสารสมัยใหม่เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอยและแก้ปัญหาคอขวด บรรเทาความหนาแน่นของผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน
นายกีรติ กล่าวในตอนท้ายว่า AOT มุ่งมั่นพัฒนาสนามบินในความรับผิดชอบให้มีความพร้อมให้บริการผู้โดยสารเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศและภาคการท่องเที่ยวในอนาคต และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป