นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 416 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้วางรากฐานการสร้างรายได้ต่อเนื่องทุกกลุ่มบริการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีการขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ จนครบวงจรมากยิ่งขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สามารถดูแลและนำเสนอแพ็คงานลูกค้าแต่ละครั้งได้อย่างครบวงจร และรับรู้รายได้จากโครงการและประเภทธุรกิจต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง
"หลายปีที่ผ่านมา เราเติบโตค่อนข้างก้าวกระโดด เนื่องจากฐานรายได้เดิมของเรายังไม่สูงมาก แต่วันนี้ฐานของเรากว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น มาจากหลากหลายธุรกิจมากยิ่งขึ้น การเติบโตของ PRI จากนี้ จึงจะเป็นการเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืน อาจจะไม่เติบโตเป็นเท่าตัว ใส่ใจทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับงานบริการอย่างเต็มกำลัง เช่น ในไตรมาส 1/67 ที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรับรองงานบริการที่มีจำนวนโครงการในมือเพิ่มขึ้น" นายสุรินทร์ กล่าว
ในช่วงไตรมาส 2/67 บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผน Elevate Your Living Experience เร่งขับเคลื่อน 4 ด้าน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตไปได้ในทุกมิติ ได้แก่ 1. ขยายบริการใหม่ไร้รอยต่อ (Expanding Our Business Horizon) เพิ่มบริการและธุรกิจใหม่ทั้งกลุ่มบริการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตอบโจทย์ความต้องการของระบบนิเวศอสังหาริมทรัพย์และระบบนิเวศบริการในที่อยู่อาศัย และเริ่มเจาะลูกค้ากลุ่ม B2C มากขึ้น ทั้งกลุ่มธุรกิจตกแต่งภายใน ธุรกิจปรับปรุงภูมิทัศน์ 2. ติดปีกทักษะบุคลากร (People Development) จับมือสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรด้านอสังหาริมทรัพย์ อัปสกิลและรีสกิล (Upskill & Reskil) ให้แก่ทั้งพนักงานปัจจุบัน และพนักงานใหม่ที่จะเข้าทำงาน พร้อมทั้งดำเนินโครงการ Management Trainee อย่างต่อเนื่อง
3.ต่อยอดนวัตกรรมใหม่ (Enhance Innovation + Technology) ให้ บริษัท ลิฟเทค แล็บ จำกัด บริษัทร่วมทุนในเครือ ยกระดับการให้บริการผ่านการพัฒนานวัตกรรมและและการเข้าถึงของข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Primo Plus โฉมใหม่ พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อำนวยความสะดวกงานบริการ อาทิ แพลตฟอร์มจองแม่บ้านทำความสะอาด แพลตฟอร์มติดตามงานซ่อมบำรุงอัตโนมัติ ตลอดจนแพลตฟอร์ม การจัดการผู้มาติดต่อภายในโครงการ (Visitor Management) และ 4.ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG & Sustainability for Future Living) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการจัดการของเสีย (Waste Management) การประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ความใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ในโครงการที่อยู่อาศัยที่ PRI เข้าไปบริหารจัดการอาคาร
สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดสำหรับงานบริการ คือ คน ขณะที่สินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตไปได้ คือเทคโนโลยีและนวัตกรรม ภาพรวม 9 เดือนที่เหลือจากนี้ เราจึงจะยังคงเดินหน้าพัฒนาทั้งคนและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้ง B2G, B2B, B2C มากขึ้น มีอัตราการต่อสัญญากับลูกค้าเดิมสูงมากขึ้น และขยายฐานไปสู่ลูกค้าใหม่ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้ามองหาโอกาสการขยายธุรกิจทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth เช่น การร่วมทุน การเข้าซื้อกิจการ ในกลุ่มธุรกิจที่ส่งเสริมกับธุรกิจเดิมในเครือ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ ทั้งกลุ่มงานบริการที่ปรึกษา ควบคุมงานก่อสร้าง กลุ่มงานบริหารจัดการอาคาร เข้าสู่พอร์ตเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 2,250 ล้านบาท ในปี 67