นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 67 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน และเชื่อว่างบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จะทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศออกมามากขึ้น ส่งผลดีกับ STECH ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงที่จำเป็นสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง สนับสนุนผลงานทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567 นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามงานที่ได้ยื่นประมูลไปแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาบริษัทมีโอกาสได้รับงานไม่ต่ำกว่า 50% ของการยื่นประมูล
ขณะที่ โรงงานผลิตลวดเหล็ก ที่จังหวัดชลบุรี ในนาม บริษัท สยามสตีลไวร์ จำกัด "ลวดรักษ์โลก" เดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบของบริษัทฯ ประมาณ 30% และได้เริ่มขยายตลาดในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี , ภาคตะวันออก , พันธมิตร และลูกค้าที่มีศักยภาพต่างๆ แล้
สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 35.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.67% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.23 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 543.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.47% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 433.03 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ ขณะที่ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สนับสนุนอัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 และ 66 อยู่ที่ 6.40% และ 5.40% ตามลำดับ
โดยรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 29.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.30% เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าแรงสูงสวรรคโลก (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) - ทางหลวงหมายเลข 101 กิโลเมตรที่ 102+052 จังหวัดสุโขทัย โครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าแรงสูงหนองหาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) จังหวัดอุดรธานี - สถานีไฟฟ้าสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร และโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงทางหลวงหมายเลข 3 กิโลเมตรที่ 397+750 (ทางเข้าถนนองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะ) ถึงสถานีไฟฟ้าแหลมงอบ จังหวัดตราด
ขณะที่รายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 513.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดดียวกันของปีก่อน 104.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.60% จากการที่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 67 มีการส่งมอบงานในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ
บริษัทมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น โดยในไตรมาส 1/67 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 103.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 58.45% โดยในไตรมาส 1/67 บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจขายและบริการคิดเป็น 20.05% ซึ่งเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มมากขึ้นจากปี 66 ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15.90% เนื่องจากมีการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น