นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินของบริษัทในงวดไตรมาส 1/67 มียอดขาย 3,789 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 3,814 ล้านบาท โดยมีผลงานที่โดดเด่นจากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น จำนวน 765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233 ล้านบาท หรือ 44% หลัง BGC เข้าถือหุ้น 75% ในบริษัท ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนและม้วนฟิล์ม ในไตรมาส 2/66 และธุรกิจซื้อมาขายไปบรรจุภัณฑ์พลาสติก (Trading) หนุนรายได้จากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นเพิ่มขึ้น
ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลดีจากต้นทุนวัตถุดิบ เช่น โซดาแอช เม็ดพลาสติก ฟิล์ม และกระดาษคราฟท์ รวมทั้งอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุน โดยมุ่งเน้นทำ cost optimization และปรับสูตรการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ปรับใช้พลังงานทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงรุก
แนวโน้มผลการดำเนินในช่วงไตรมาส 2/67 คาดได้รับปัจจัยบวกจากราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะ Soda Ash และราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลง หลังกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของแหล่งก๊าซเอราวัณ รวมถึงการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศ (Single Pool)
แผนธุรกิจปีนี้ บริษัทฯ มีการคัดเลือกผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี เน้นให้ความสำคัญในการขยายตลาดส่งออก และการหาลูกค้าใหม่ พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและพฤติกรรมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เปลี่ยนไปในอนาคต
สำหรับการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนการซ่อมแซมเตาหลอมแก้วแบบเย็น (Cold repair) ที่โรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรองรับโอกาสจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว สำหรับธุรกิจใหม่จากการควบรวมกิจการยังคงพิจารณาอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจในระยะยาว เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสเติบโตของกลุ่มบริษัท
"BGC พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตด้วย Total Packaging Solutions ที่ให้บริการบรรจุภัณฑ์กับลูกค้าอย่างครบวงจร เราไม่เพียงแค่รับผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว แต่ยังนำเสนอบริการอื่นให้แก่ลูกค้าเพื่อเลือกซื้อฉลากหรือบรรจุภัณฑ์อื่นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจะเป็น One Stop Service ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจและสร้าง New S-Curve บริษัทยังได้มีการลงทุนในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ราว 5% เพื่อเข้าไปเรียนรู้ และหากมีโอกาสที่เหมาะสมก็จะพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มได้" นายศิลปรัตน์ กล่าว