นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บมจ.โอสถสภา (OSP) เปิดเผยว่าบริษัทคงเป้าการเติบโตของรายได้ปี 67 โดยคาดว่าจะเติบโตแบบตัวเลขหลักเดียว (1-Digit) ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดจะยังเติบโตต่อเนื่องตามแผน โดยส่วนแบ่งทางการตลาดและปริมาณขายจะค่อย ๆ ฟื้นตัวจากยอดขายกลุ่ม Energy Drink ในประเทศ ประกอบกับกลุ่ม Functional Drink ที่เริ่มเห็นแนวโน้มดีขึ้นค่อนข้างดี และยอดขายในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ Personal care รวมทั้งแคมเปญต่าง ๆ ในไตรมาส 2/67และไตรมาส 3/67 นอกจากนี้ช่วงที่เหลือของปีเตรียมออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอีก อย่างน้อย 4 SKUs
ขณะที่การขยายตลาดต่างประเทศบริษัทพยายามจะขยายในประเทศใกล้เคียงทั้งหมด ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายเข้าไปในประเทศอินโดนีเซีย และครึ่งปีหลังจะกลับเข้าไปขยายในเวียดนาม อย่างไรก็ตามปัจจุบันสถานการณ์ตลาดในต่างประเทศค่อนข้างฟื้นตัวช้าเล็กน้อย โดยเฉพาะในพม่าที่เป็นตลาดใหญ่ของบริษัท สถานการณ์ในประเทศยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งบริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์
ผลการดำเนินงานไตรมาส1/67 บริษัทฯ เติบโตโดดเด่นทั้งในด้านรายได้และผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและไตรมาสก่อน ด้วยกลยุทธ์ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การตลาดที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ไตรมาส 1/67 รายได้จากการขายอยู่ที่ 7,260 ล้านบาท เติบโต 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 11.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) สะท้อนการเติบโตของทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น ที่ 15.1% YoY และ 8.7% YoY ตามลำดับ ซึ่งช่วยชดเชยการหดตัวลงของรายได้จากการให้บริการผลิตสินค้า (OEM) ทั้งนี้รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มขยายตัวจากปัจจัยด้านปริมาณการขายและกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 828 ล้านบาท เติบโต 6.5% YoY และ เติบโต 91.5% QoQ ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 73.2% YoY และ เพิ่มขึ้น 39.9% QoQ และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.4% เติบโต 4.1% YoY และ เติบโต 2.3% QoQ
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศเติบโต 11.9% YoY โดยมีแบรนด์ ?เอ็ม-150? ครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค โดยล่าสุดได้เปิดตัว M-150 Sparkling Energy Drink เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลส์ที่ต้องการความสดชื่นระหว่างวันในการทำกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ผ่านการทำการตลาดในรูปแบบที่แตกต่าง จนได้รับกระแสตอบรับที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แบรนด์ ?ซี-วิท? เป็นผู้นำตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์และเครื่องดื่มผสมวิตามินซีที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 42.9% ประกอบกับแบรนด์ ?เปปทีน? และ ?คาลพิส แลคโตะ' ที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโตขึ้น 8.7% จากกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของแบรนด์ ?เบบี้มายด์? ซึ่งเป็นผู้นำตลาดทั้งสบู่อาบน้ำเด็กและแป้งเด็ก
ส่วนตลาดต่างประเทศ OSP เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/67 มียอดขายเติบโต 23.1% โดดเด่นที่สุดในรอบ 5 ปี ด้วยการบริหารจัดการเชิงรุก การทำกิจกรรมการตลาดที่แข็งแกร่งในเมียนมาร์และสปป.ลาว ตลอดจนการเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่ท้าทายในหลายๆด้าน
ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/67 บริษัทฯ จะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มุ่งรักษาความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดย ?เอ็ม-150? ได้จับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับ เวิร์คพอยท์ ส่งพลังและกำลังใจช่วยปลดหนี้ให้แก่คนไทยผ่านแคมเปญ "ปลดหนี้ทุกวัน หมื่น แสน ล้าน" การผนึกกำลังกับ การีนา ประเทศไทย ร่วมสนับสนุนการแข่งขันเกม RoV หรือ Arena of Valor เกมมือถือที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในไทยและระดับโลก ทั้งยังเป็นเกมอันดับ 1 ที่มีการแข่งขันอีสปอร์ตในระดับมืออาชีพ (Pro-league) ในประเทศไทย การคว้าตัวดูโอชาวเกาหลีใต้ขวัญใจคนไทย "พี่จอง-คัลแลน" มาเป็นพรีเซนเตอร์สปาร์คพลังความซ่ากับเครื่องดื่ม M-150 Sparkling Energy Drink ไปจนถึงการผลักดันแคมเปญ "#ไม่มีลิมิตชีวิตโคตรซิ่ง" ภายใต้กลยุทธ์ มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ เพื่อต้อนรับฤดูกาลขายสินค้าในช่วงหน้าร้อน รวมถึงเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลภายใต้แบรนด์ ?เบบี้มายด์? อาทิ เบบี้ มายด์ รีแลกซ์ซิ่ง ลาเวนเดอร์ ออร์แกนิก ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งเพอร์ซัลนัลแคร์และโฮมแคร์ ที่มีจุดเด่นด้านความหอมผ่อนคลาย สามารถตอบโจทย์คุณแม่ คุณลูก รวมถึงคนวัยทำงาน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OSP กล่าวว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถดำเนินการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มุ่งผลักดันการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลัก ควบคู่กับการพิจารณาจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก รวมถึงเงินลงทุนที่โอสถสภามีสัดส่วนการถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่มีอำนาจควบคุม ตลอดจนการขยายการลงทุนในต่างประเทศ และการบริหารจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ นำไปสู่การยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันในทุกด้าน และขับเคลื่อนการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน สะท้อนความสำเร็จจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในไตรมาสแรกของปีนี้ และโอสถสภายังได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็น "Industry Mover" หรือ บริษัทที่มีการพัฒนาทางด้านความยั่งยืนโดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลก ในรายงาน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2024 อีกด้วย