นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาด แกว่งตัวออกด้านข้าง คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) กลับมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในหลายสาขาได้ออกมาย้ำว่าจะยังไม่เร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกกันสหรัฐได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยดังกล่าวทำให้ไปลดทอนความหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้การรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 ของบริษัทจดทะเบียนไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว นักลงทุนน่าจะไปรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP ของไทยในสัปดาห์หน้า โดยตลาดคาดขยายตัว 0.6% QoQ และ 0.8% YoY
ให้แนวรับไว้ที่ 1,370 จุด และแนวต้านที่ 1,385 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,869.38 จุด ลดลง 38.62 จุด หรือ -0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,297.10 จุด ลดลง 11.05 จุด หรือ -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,698.32 จุด ลดลง 44.07 จุด หรือ -0.26%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,121.71 จุด ลดลง 0.69 จุด หรือ -0.02% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 19,525.12 จุด เพิ่มขึ้น 148.59 จุด หรือ +0.77% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,561.04 จุด ลดลง 359.22 จุด หรือ -0.92%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ค.) 1,377.72 จุด เพิ่มขึ้น 7.28 จุด (+0.53%) มูลค่าการซื้อขาย 51,503.71 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,599.44 ล้านบาท (16 พ.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(16 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.76% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ค.) อยู่ที่ 2.42 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.25 กลับมาอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลลาร์ ให้กรอบวันนี้ 36.15 - 36.35
- จับตา สศช.แถลง GDP ไตรมาส 1 วันที่ 20 พ.ค."ทีดีอาร์ไอ" คาดเจอแรงกดดันเศรษฐกิจโลกชะลอกระทบส่งออก เบิกจ่ายงบล่าช้า ฉุดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูง ชะลอการใช้จ่ายภาคครัวเรือน "ซีไอเอ็มบีไทย-เคเคพี" หวั่นติดลบเสี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค "กสิกรไทย" คาดจีดีพีเสี่ยงต่ำกว่าคาด เตรียมปรับจีดีพีทั้งปีเหลือ 2.5% ชี้แรงหนุนอ่อนแรงเหลือแค่การท่องเที่ยว
- วิกฤติกำลังซื้อทุบ อสังหาฯ สะเทือนหนักเอฟเฟกต์แบงก์เข้มปล่อยกู้ทำยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง ยอดโอนสินเชื่อปล่อยใหม่ "ไตรมาสแรก" ต่ำสุดรอบ 6 ปี เปิดตัวโครงการใหม่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล วูบ 38.5% ยอดขายใหม่ "ติดลบ" 20% ยูนิตเหลือขาย เพิ่ม 16% ลุ้นมาตรการรัฐกระตุ้นตลาดโต 5-10% ด้าน "เครดิตบูโร" เผยหนี้เสีย 1.09 ล้านล้าน เป็นหนี้เสียบ้าน 2 แสนล้าน "เจนวาย" แชมป์ ส่อทะยาน 2.5 แสนล้าน
- รมว.คลังพบผู้ว่าแบงก์ชาติสางปมร้าว ถกเดินหน้านโยบายการเงินการคลังร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูง เล็งรื้อกรอบเงินเฟ้อ ปรับเงื่อนไข สินเชื่อช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินเพิ่ม "กรุงไทย" ชี้หลังเงินเฟ้อสหรัฐชะลอ กดดันดอลลาร์อ่อนค่า คาดเฟดลดดอกเบี้ยปีนี้ หนุน "บาทแข็งค่า" แต่ยังติดโซน 36 บาท จากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนต่างชาติ
- กบน.ลดการชดเชยน้ำมันดีเซล ดันราคาขายปลีกขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร เป็น 31.94 บาท/ลิตร มีผล 17 พ.ค. หวังหนุนสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ยันขึ้นราคาค่อยเป็นค่อยไป ลดผลกระทบ ปชช.
- รมช.คลัง เปิดเผยว่า เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ขณะนี้ยังเหมือนเดิมโดยประชาชนที่ได้รับสิทธิสามารถนำไปซื้อสินค้าบริโภคและอุปโภคยกเว้นสินค้าบริการไม่สามารถใช้ได้ รวมถึงสินค้า 16 รายการต้องห้ามใช้ด้วย
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่าความต้องการซื้อชะลอตัวมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ลดลงต่ำสุดในรอบ 25 ไตรมาส หรือกว่า 6 ปี ทั้งจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ อยู่ที่ 72,954 หน่วย ลดลง -13.8% และยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่เพียง 121,529 ล้านบาท ลดลง -20.5%
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ. ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "LTS" ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 โดยราคา IPO หุ้นละ 3.00 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 165 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 619.80 ล้านบาท LTS ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ในรูปแบบ smart pole, smart home automation โดยการออกแบบระบบส่องสว่างได้นำรูปทรงสถาปัตยกรรมของอาคารมาเป็นแนวความคิดในการออกแบบเพื่อให้เกิดความงดงามและมีเอกลักษณ์ประจำอาคาร หรือการรับติดตั้งระบบส่องสว่างให้แก่อาคารที่อยู่อาศัยทั้งบริเวณภายในและภายนอกอาคาร
- WHA (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 6.25 บาท เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 6.25 บาท จาก 5.70 บาท เพื่อสะท้อนความต้องการที่ดินในนิคมฯ ที่แข็งแกร่งขึ้นในนิคมฯ ของบริษัทฯ จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐ -จีน ภาษีรถ EVชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ Data center พลังงานสีเขียว เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2567-68 ขึ้น 3-4% เพื่อสะท้อนอำนาจต่อรองที่สูงขึ้นของ WHA ที่มีต่อผู้ซื้อในธุรกิจที่ดิน IE ของบริษัทฯ
- GPSC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 58.75 บาท ผลประกอบการไตรมาส 1/67 กำไรฟื้นตัว QoQ ตามคาดเป็นผลจากปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้ง IPP และ SPP รวมถึงการปรับขึ้นค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย.67 ประกอบกับต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดต่ำลงตามฤดูกาล ช่วยหนุนอัตรากำไรดีขึ้น ส่วนในไตรมาส 2/67 คาดกำไร +QoQ, YoY เข้าสู่ช่วง high season ความต้องการใช้ไฟฟ้าช่วงฤดูร้อน ประกอบกับมีโครงการที่เริ่ม COD ไปในช่วงปลายเดือน มี.ค.ได้แก่ Glow SPP2 Replacement และ IRPC-CP3 ขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับลดลงทั้งก๊าซและถ่านหิน นอกจากนี้หากสรุปเรื่อง Single pool gas ได้อาจจะมีการบันทึกราคาก๊าซย้อนหลังเข้ามาตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งได้ sentiment บวกจาก Bond Yield ที่ปรับลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 5.05 พันล้านบาท +35%YoY
- OSP (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.00 บาท ภาพรวมกำไรไตรมาส 1/67 ทำได้โดดเด่นตามคาด จากยอดขายธูรกิจเครื่องดื่มที่ปรับขึ้นทั้ง q-q, y-y จากการเพิ่มขึ้นของ Market share ของเครื่องดื่มชูกำลัง ในประเทศ สู่ระดับ 46.4% จาก 45.9% ในไตรมาส 4/66 ผสานกับรายได้จากต่างประเทศที่ทำจุดสูงสุดใหม่ รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสู่ 36.5% จาก 35.5% ในไตรมาส 4/66 คาดแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังมีโอกาสขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง