บล.กสิกรไทย มองว่าสัปดาห์ถัดไป (20-24 พ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,370 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,390 และ 1,400 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนพ.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนพ.ค. ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ค.ของจีน และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดบวกได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 แม้จะผันผวนระหว่างสัปดาห์ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวกรอบแคบๆ ในช่วงต้นสัปดาห์เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้นตลาด ก่อนจะปรับตัวลงในช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของกลุ่มค้าปลีกและพลังงานออกมาน่าผิดหวัง รวมถึงมีแรงขายหุ้นบิ๊กแคปกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แล ไฟแนนซ์ ซึ่งถูกคัดออกจากการคำนวณในดัชนี MSCI (มีผลวันที่ 31 พ.ค.นี้) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากรายงานข่า วที่ว่าสหรัฐฯประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ซึ่งชะลอตัวลงส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนก.ย.นี้ หุ้นไทยขยับขึ้นต่อในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากปัจจัยเฉพาะตัว
ในวันศุกร์ที่ 17 พ.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,382.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.79% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,979.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.73% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.49% มาปิดที่ระดับ 384.27 จุด