นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้เชื่อว่าจะกลับมาเป็นบวก ปัจจัยสนับสนุนมาจากทิศทางธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ ABS ซึ่งสเปรดเติบโตขึ้นชัดเจนถึง 2 เท่า มาอยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับปีก่อนเฉลี่ย 350 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
ดังนั้น บริษัทจึงเตรียมกลับมาเดินเครื่องโรงงานผลิต ABS เต็มกำลังการผลิตที่ 1.8 แสนตันต่อปีตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ เทียบกับปลายปี 66 เดินเครื่องอยู่เพียง 40% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม งานงานในช่วงไตรมาส 2/2567 คาดว่าจะสู้ไตรมาส 1/67 ไม่ได้ เป็นไปตามทิศทางค่าการกลั่นอ่อนตัวลง แต่เชื่อว่าจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาสเป็นต้นไป และจะช่วยให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยบวกหลักๆ คือค่าการกลั่นที่ดีขึ้นตามความต้องการใช้น้ำมันในข่วงเทศกาล driving season ของสหรัฐฯ รวมทั้งสเปรด ABS ที่ดีขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ประเมินว่าในปี 68 ผลการดำเนินงานจะดีขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้
นายกฤษณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการกลยุทธ์ 5 ปี (67-71) ว่า บริษัทจะเน้นสร้างความเข้มแข็งธุรกิจหลัก (Core uplift) โดยธุรกิจปิโตรเลียม บริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายน้ำมันสะอาดดีเซลกำมะถันต่ำตามมาตรฐานยูโร 5 ตั้งแต่ปลายปี 2566 ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 93,500 บาร์เรล/วัน ตามแผนกลยุทธ์ "Domestic first" ที่มุ่งขยายสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันในประเทศผ่านเครือข่ายคลังน้ำมันทั่วประเทศ รวมทั้งขยายความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันในประเทศอีกด้วย
สำหรับธุรกิจปิโตรเคมี บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty products) ให้ได้ 38% ภายในปี 67 และ 50% ในปี 68 ด้วยกลยุทธ์ "Specialty boost" เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและประสบการณ์อันยาวนาน
ความสำเร็จในช่วงไตรมาส 1/67 อาทิ
ธุรกิจท่อและโครงสร้างพื้นฐาน : เม็ดพลาสติก POLIMAXX HDPE 100 RC ใช้ในการผลิตท่อทนต่อแรงดันและรับแรงกระแทกสูง ตามมาตรฐาน EN1555-2021 อายุใช้งานยาวนานถึง 50 ปี สามารถติดตั้งท่อแบบเจาะลอดใต้ผิวดิน ช่วยลดปัญหาการขุดเจาะและเปิดหน้าดิน ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการติดตั้ง ปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกเม็ดพลาสติก POLIMAXX PE100 RC ไปยังหลายภูมิภาค เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกาและอินเดีย เป็นต้น เม็ดพลาสติก POLIMAXX PPR ใช้ในการผลิตท่อที่ทนต่อแรงขีดข่วนและแรงดัน ทนต่อสารเคมีได้มากกว่าท่อน้ำประปาทั่วไป มีความปลอดภัยเพราะผลิตจากเทคโนโลยีแบบไร้สารทาเลต (Non Phthalate) เหมาะสำหรับผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นในครัวเรือน คอนโดและโรงงานอุตสาหกรรม สามารถเชื่อมต่อกันระหว่างท่อได้โดยใช้ความร้อนและมีอายุการใช้งานยาวนาน
ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย: เม็ดพลาสติก POLIMAXX PP Spunbond และ PP Meltblown (พีพี สปันปอนด์ และ พีพี เมลต์โบลน) สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย เช่น หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ ชุด PPE ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงแผ่นกรองต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงเพราะไม่มีสารทาเลต (Phthalate free)
ธุรกิจยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์: Acetylene Black (ACB) (อะเซทิลีนแบล็ก) ด้วยคุณสมบัติการนำไฟฟ้า ลดไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยในการถ่ายเทประจุความร้อน ดูดซึมความชื้นต่ำ มีความบริสุทธิ์สูง สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น งานแบตเตอรีในรถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) เป็นต้น
ธุรกิจสีและสารเคลือบ ธุรกิจสีและสารเคลือบ บริษัทฯ ร่วมกับบริษัท เบเยอร์ จำกัด พัฒนาผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบมาตรฐานโลกเป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยส่วนผสม Polytetrafluoroethylene (PTFE) ที่มีคุณสมบัติพิเศษมีความทนทานต่อสภาพอากาศ ที่รุนแรง ช่วยยืดอายุการใช้งานโครงสร้างเหล็กถึงสามเท่า สำหรับใช้เคลือบโครงสร้างเหล็กในโรงกลั่นน้ำมัน โรงงาน ปิโตรเคมีสนามบิน ท่าเรือและสะพาน เป็นต้น
สำหรับความก้าวหน้าในกลยุทธ์การลงทุนแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ (Step up & Beyond) บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท วิสอัพ จำกัด (VISUP) ซึ่งเป็น Incubator / Accelerator ผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีของสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในสัดส่วน 22% โดยมีความสนใจในเทคโนโลยีกลุ่ม Digital Temperature Indicator (DTI) ที่ร่วมกันวิจัยและพัฒนา รวมถึงต่อยอดกับ หมึกนำไฟฟ้า (Conductive ink) ของบริษัทฯ โดยประยุกต์ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ สามารถติดตามสินค้า ตรวจสอบสภาพสินค้า และให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค