นายบดินทร์ เกษมเศรษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี (SICT) เปิดเผยว่า แนวโน้มครึ่งแรกของปี 67 น่าจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีหลังที่มีช่วงวันหยุดเทศกาลจำนวนมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ที่ตามปกติจะเป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างดี อยางไรก็ตาม บริษัทยืนยันเป้ารายได้ปี 67 เติบโต Double-Digit ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบลงทะเบียนสัตว์เป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทวางแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT 1-2 ตัวภายในปีนี้ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) บริษัทพยายามรักษาอยู่ในระดับ 45% และในระยะยาวบริษัทหวังให้มีการเติบโตต่อเนื่องรายได้แตะ 1,000 ล้านบาทภายใน 3-4 ปีข้างหน้า
โดยผลิตภัณฑ์ระบบลงทะเบียนสัตว์จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในปีนี้ โดยในหลายประเทศมีการประกาศใช้ระเบียบบังคับใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ โดยล่าสุด United States Department of Agriculture (USDA) ได้ประกาศระเบียบข้อบังคับใหม่สำหรับวัวและกระทิงต้องใช้ Animal ID แบบที่บริษัทผลิตอยู่ ซึ่งคาดว่าระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนภายในปลายปี 67 ทั้งนี้หากสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์ระบบลงทะเบียนสัตว์เพิ่มมากขึ้นอาจกระทบกับ Gross Profit Margin พอสมควรในเชิงของ Product Mix อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตามแผนจะทำให้ภาพรวม GP ดีขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 205.2 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากการลดลงของรายได้กลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ เนื่องมาจากระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในไตรมาสนี้ลดลงเป็นจำนวน 32.7 ล้านบาท หรือ 57% YoY ในขณะที่รายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบลงทะเบียนสัตว์ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด เพิ่มขึ้น 19.4 ล้านบาท หรือ 21% YoY จากการเติบโตของรายได้จากกลุ่มลูกค้าหลักในทวีปยุโรป หลังจากที่มีความคืบหน้าเรื่องการบังคับใช้ป้ายทะเบียนสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Identification Tag) ในกลุ่มแกะและแพะเพิ่มเติมในทวีปออสเตรเลีย รวมถึงการขยายไปตลาดใหม่ของบริษัท
ขณะที่รายได้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม IoT ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาท หรือ 9% YoY ส่วนรายได้ในกลุ่ม NFC และอื่น ๆ ลดลง 3.9 ล้านบาทหรือ 85% YoY อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังปี 66 รายได้ของบริษัทในไตรมาส 1/67 มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ความท้าทายของเศรษฐกิจมหภาคและปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก