นายธันยา หวังธำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ (PHOL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/67 คาดมีทิศทางการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยสินค้ากลุ่ม SAFETY ยังมียอดขายเติบโตดี ซึ่งหากกลุ่มสินค้า CE การผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็ทรอนิกส์กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จะช่วยสนับสนุนผลงานให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ในปี 67 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% จากการขยายฐานลูกค้าองค์กรและการเพิ่มสินค้าใหม่ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสินค้าทางการแพทย์และสุขภาพมากกว่า 5% ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยในปีนี้จะฟื้นตัวกว่าปีก่อน ประกอบกับความต้องการสินค้าและบริการของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามทิศทางนโยบายความยั่งยืนของลูกค้าที่มีความตระหนักในด้านอาชีวอนามัยความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การใส่ใจดูแลด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มีกลยุทธ์หลักเน้นการเติบโตแบบ Organic Growth โดยใช้จุดแข็งด้านช่องทางการขายผ่านพนักงานขายที่มีความเชี่ยวชาญในสินค้าและบริการ การเพิ่มจำนวนพนักงานขายและปรับปรุงระบบการทำงานให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาสินค้าและการเพิ่มสินค้าใหม่ โดยสินค้าใหม่ที่ตั้งเป้าขยายในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล หรือสินค้า PPE คุณสมบัติทั่วไปที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้านราคา การเพิ่มสินค้าไลฟ์สไตล์เซฟตี้ ซึ่งเป็นสินค้าเซฟตี้แนวแฟชั่นจากแบรนด์ชั้นนำ สินค้าใหม่ในกลุ่มการยศาสตร์ อุปกรณ์ซัพพอร์ตต่างๆเพื่อลดความเมื่อยล้า เช่น เก้าอี้เพื่อสุขภาพ รองเท้าและแผ่นรองเพื่อสุขภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มคอนซูมเมอร์ ด้านสินค้าสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ผ้าคลุมผ่าตัด จะมุ่งเน้นโรงพยาบาลและหน่วยงานราชการ
ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บริษัทมีการพัฒนาปรับปรุงนำระบบไอทีเข้ามาใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบอนุมัติออนไลน์ ระบบ CRM เพิ่มความรวดเร็วในการทำงานและลดค่าใช้จ่าย การปรับปรุงระบบบริหารจัดการคลังสินค้าให้สามารถรองรับสินค้าและเพิ่มสินค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำมีการปรับรูปแบบธุรกิจของบริษัทย่อย PHOL WATER ให้มีการทำโครงการแบบเฉพาะงานมากขึ้น โดยใช้วิธี JV กับพันธมิตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับงานและลดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนคงที่
ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/67 บริษัทมีผลกำไรสุทธิที่ 15.55 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.97% เพิ่มขึ้น 22.91% โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 259.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.38 ล้านบาท หรือ 7.63% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ SAFETY 188.20 ล้านบาท หรือ 72.58% กลุ่มสินค้าและบริการด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม หรือ CE 46.61 ล้านบาท หรือ 17.97% กลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค หรือ WATER 19.68 ล้านบาท หรือ 7.59% ขณะที่สินค้าใหม่ในกลุ่มทางการแพทย์และสุขภาพ 4.82 ล้านบาท หรือ 1.86% โดยไตรมาสแรกปีนี้เติบโตสูงถึง 418.28%
"ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ รายได้เติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลักจากกลุ่มสินค้า SAFETY จากการขยายฐานลูกค้าและการเพิ่มสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจอุตสาหกรรมจะเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ ธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำก็มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากงานโครงการรับก่อสร้าง งานบริการติดตั้งระบบ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดสินค้าใหม่ รวมถึงมีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ทำให้มีผลกำไรเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มสินค้า CE ลดลงตามภาวะอุตสาหกรรมของลูกค้าหลักในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอตัว" นายธันยา กล่าว