นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 คาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก เนื่องจากเชื่อว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงเติบโต เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ทั้งจากลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus รวมถึงปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยวจากวันหยุดต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เริ่มต้นการเพาะปลูกทางการเกษตร
นอกจากนี้ ปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG คาดว่ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม Auto LPG จากโครงการ "Taxi Transform" และ "Auto Transform" และมีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ส่วนธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยยังคงเติบโตไปในทิศทางเดียวกันจากการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus และยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจ Autobacs มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น
"จากแนวโน้มธุรกิจ Oil และ Non-Oil ที่ยังคงขยายตัวตามแผนที่ได้วางไว้ ประกอบกับมีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus จึงเป็นสัญญาณบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของ PTG ที่เชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสด้านการลงทุนในของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น " นายพิทักษ์ กล่าว
ในปี 67 บริษัทยังคงเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 10-12% และขยายจำนวนสถานีบริการไว้ที่ 2,251 สถานีบริการ รวมถึงยกระดับการให้บริการด้วย PT Service Master ที่คอยให้บริการและแนะนำลูกค้า และมีการใช้ข้อมูลจากฐานสมาชิกกลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card, PT Max Card Plus, แอปพลิเคชัน Max Me และแพลตฟอร์ม Max Enterprise Connect (MEC) มาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันที่ตรงตามความต้องการลูกค้ามากที่สุด มุ่งสู่เป้าหมายในการขยายส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกสถานีบริการไม่ต่ำกว่า 25% ในปี 70
สำหรับธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% หลัก ๆ มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มองว่าปีนี้เป็นปีแห่ง "Network Expansion" และจะมุ่งสู่จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขา ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี 70
ส่วนธุรกิจก๊าซ LPG ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2567 ไว้ที่ 30-40% โดยกลุ่ม Auto LPG จะเน้นงานบริการเพื่อส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วยโครงการ "Taxi Transform" และ "Auto Transform",กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงเน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566 โดยเป็นการขยาย Gas Shop เป็นหลัก
ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 67 ตั้งเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints