นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ของบริษัททั้งที่เปิดบริษัทใหม่เป็นบริษัทร่วมกับพันธมิตรและธุรกิจภายใต้การดำเนินงานของ LEO กว่า 10 ธุรกิจที่เริ่มไปแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมเปิดดำเนินการ จะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 227 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้ตามสัดส่วนที่ LEO ถือหุ้น โดยธุรกิจ LEO Global Mail Solutions คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาส 3/67 และเริ่มดำเนินการมีรายได้ในปี 68 ขณะที่ธุรกิจ Green Logistics ภายในไตรมาส 3-4/67 จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการพูดคุยโครงการ M&A อีกประมาณ 2-3 โครงการในไปป์ไลน์ เพื่อต้องการขยายฐานรายได้ไปสู่ธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มค่าระวางเรือช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากเริ่มเห็นทิศทางการเติบโตของการส่งออกสินค้าไปยุโรปและสหรัฐต่อเนื่องจากช่วงสิ้นปีที่แล้ว ประกอบกับมีสินค้า E-Commerce ผ่านเข้ามาในไทยจำนวนมาก สะท้อนว่ากำลังซื้อผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวและส่งผลบวกต่อการค้าระหว่างประเทศ มองว่าด้วยปัจจัยต่าง ๆ ส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือและทางอากาศน่าจะดีขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ SCFI (Shanghai Containerized Freight Index) ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนว่าสถานการณ์การค้าโลกเริ่มดีขึ้น เป็นโอกาสที่บริษัทจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นจากค่าบริการที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3/67 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงเทศกาลทั้งตรุษจีนและสงกรานต์การส่งออกชะลอตัวลงและเริ่มกลับมาพีคเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา
สถานการณ์การขนส่งทางเรือปัจจุบัน สายเรือทุกสายพยายามปรับราคาค่าขนส่งเพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่ 1 พ.ค.ซึ่งการปรับค่าระวางเรือ (Freight)เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย สำหรับสถานการณ์การขนส่งทางอากาศดีขึ้นค่อนข้างมาก โดยนักท่องเที่ยวเดินทางมากขึ้นทำให้จำนวนเที่ยวบินสูงขึ้น ส่งผลให้มี Capacity จำนวนมาก และทำให้มีปริมาณในการขนส่งสินค้า E-Commerce จากจีนผ่านประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ซึ่งค่าขนส่งทางอากาศปัจจุบันอยู่ในระดับทรงตัว